กมธ.ที่ดินฯ สภาฯ ตั้ง 3 ข้อสังเกตปม ส.ป.ก. ปักหลักหมุดทับซ้อนที่ดินอุทยานฯ เขาใหญ่ จับพิรุธ "ส.ป.ก.โคราช" ไม่โต้แย้ง "วันแมฟ" ทั้งที่ ตรวจสอบสิทธิผิดกฎหมาย  สวนทางผู้ว่าฯ -ผู้ใหญ่บ้านทักท้วงแล้ว

วันที่ 29 ก.พ.67  ที่รัฐสภา นายฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.)การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แถลงถึงการประชุมรับฟังหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องในกรณีข้อพิพาทที่ดิน ส.ป.ก. ปักหมุดทับซ้อนเขตป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมาและอุทยานฯทั่วประเทศว่า  กมธ. มีข้อสังเกต ว่า 1) ทั้ง 2 หน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องกับการทำแผนที่กำหนดแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ คือ 1.กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และ 2.กรมแผนที่ทหาร ยังมีประเด็นโต้เถียงกันในเรื่องแนวเขตโดยกรมอุทยานฯ ไม่ยอมรับแนวเขตตามแผนที่ ที่นำเสนอโดยกรมแผนที่ทหาร ซึ่งแผนที่ชุดนี้ คือ แผนที่ซึ่งทางสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ยึดถือเป็นแนวเขตในการดำเนินการ และแผนที่ของกรมแผนที่ทหารชุดนี้เป็นชุดเดียวกับที่ได้ส่งรายงานไปให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ ขณะที่กรมอุทยานฯได้ให้เหตุผลของความไม่ถูกต้องว่า ตามกฎหมายจะต้องยึดแนวเขตตามแผนที่แนบท้าย มาตราส่วน 1 ต่อ 250,000 ในพระราชกฤษฎีกา (พรฎ.) ที่กำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาใหญ่ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2505 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2505

2) การได้มาซึ่งแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แต่เดิมนั้นเกิดจากการสำรวจผ่านกล้องรังวัดมุมโดยมีการทำหลักหมุดไม้แก่นที่กำหนดเขตอุทยานรวมทั้งหมด 938 จุด ซึ่งในสมัยนั้นได้มีการจดบันทึกจัดทำไว้ในสมุด Field Book หรือ สมุดจดงานภาคสนาม เก็บไว้ด้วยโดยอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นอุทยานฯ เพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่มีการบันทึก Field Book ซึ่งอุทยานฯแห่งอื่นๆ ไม่มี    แต่ปรากฎว่า หลักหมุดที่เกิดมาจากการสำรวจครั้งแรก ก่อนมีการจัดตั้งอุทยานฯแห่งนี้ มีความผิดเพี้ยนของแนวเขตหลายจุด เมื่อเทียบกับแผนที่ตาม พ.ร.ฎ.ของกรมอุทยานฯ โดยกรมแผนที่ทหาร ได้อ้างวิธีการได้มาของแผนที่แนวเขตล่าสุด ซึ่งทางสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(สปก.)ใช้อ้างอิงว่า เป็นการถอดมาจาก Field Book เล่มเดิม  ร่วมกับการสำรวจหลักหมุดจริงและสภาพภูมิศาสตร์พื้นที่โดยรอบ และนำไปทำเป็นแนวเขตผ่านระบบ GIS (GeographicInformation System) หรือ ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ อย่างไรก็ตามทางคณะ กมธ.จะต้องหาข้อเท็จจริงกันต่อไป      

3) หลังจากแผนที่ตาม พ.ร.ฎ.ของกรมอุทยานฯ ประกาศใช้ในปี พ.ศ. 2505 ต่อมาได้มีการทำแผนที่แนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ให้มีอัตราส่วนละเอียดขึ้นเป็น 1 ต่อ 50,000  และภายหลังยังมีโครงการทำแผนที่ ONE MAP หรือแผนที่ตามอัตราส่วน 1 ต่อ 4,000   เพื่อเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ซึ่งแผนที่ ONE MAP ของพื้นที่กรมอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นั้น  ปัจจุบันดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้นำส่งคณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้รับรองและประกาศใช้   เนื่องจากยังมีปัญหาแนวเขตทับซ้อนของเขตอุทยานฯ ในพื้นที่ของจังหวัดปราจีนบุรี  แต่กลับไม่มีปัญหาการทับซ้อนของเขตอุทยานฯ ในพื้นที่ของจังหวัดนครราชสีมา ในระหว่างการประชุมจัดทำ ONE MAP ร่วมกันของทุกหน่วยงาน  หากตอนที่มีการทำ ONE MAP แนวเขตอุทยานฯ ในพื้นที่ของจังหวัดนครราชสีมา  มีความไม่ตรงกันของแนวเขต  ทำไมสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในจังหวัด จึงไม่มีการชี้แจง หรือโต้แย้ง  แต่กลับปล่อยให้กระบวนการ ONE MAP ผ่าน จึงถือว่า สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจังหวัดนครราชสีมา ยอมรับมติของที่ประชุมอนุกรรมการ ONE MAP กระบวนการ  การออกที่ดิน ส.ป.ก. ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ทางสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จ.นครราชสีมา ยอมรับว่า กระบวนการในการตรวจสอบสิทธิเป็นไปโดยมิชอบ และยังชี้แจงเพิ่มเติมว่า กระบวนการตรวจสอบสิทธินั้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยมีการท้วงติงจากหน่วยงานอื่น ๆ ในการทำรังวัดที่ดิน ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ก็ไม่ทราบในเรื่องนี้ ซึ่ง กมธ. จะต้องหาข้อเท็จจริงกันต่อไป