แม้แกนนำพรรคเพื่อไทย แกนนำรัฐบาล จะพยายามสยบกระแสข่าว นายกฯ 3 คน ด้วยการยืนยันว่า เศรษฐา ทวีสิน คือ นายกฯหนึ่งเดียว นายกฯตัวจริง ก็ตาม แต่การเมืองไทย ก็ยังคงถูกมองว่า มีนายกฯ มากกว่า 1 คน และ อาจจะถึง 5 คน เลยด้วยซ้ำ

แค่ในทำเนียบรัฐบาล ก็ถูกมองว่ามี “หมอมิ้ง” นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช  เลขาธิการนายกฯ เป็น นายกฯน้อย และยังมี “ว่าที่ นายกฯ” อย่าง “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย ที่เมื่อมาประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลก็ดูเสมือนว่าเป็น “นายกฯหญิง” อีกคนหนึ่ง

อีกทั้ง เศรษฐา เอง ก็มักจะพูด หลายประโยคที่ทำให้เข้าใจว่า นางสาวแพทองธาร เป็นเสมือนนายกรัฐมนตรี เช่นเคยถามสื่อว่าเรียก นายกฯคนไหน เพราะมีนายกฯ 2 คน  เมื่อครั้งที่ไปดูหนังกับ นางสาวแพทองธาร แล้วสื่อเรียก ขอให้ท่านนายกฯหันมาให้ถ่ายภาพ ประกอบกับที่ เศรษฐา ก็ให้เกียรติ นางสาวแพทองธาร อย่างมากเมื่อออกงานคู่กัน

ไม่แค่นั้น ยังเป็นที่รู้กันดีว่า เศรษฐา ยังมีนายกฯปู นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวอีกคน และเป็นเสมือน “นายกฯเงา” ที่อยู่เบื้องหลัง แบ็คอัพ เศรษฐา จนได้มาเป็นนายกฯ  และ คอยช่วยเหลือ เศรษฐา อยู่เบื้องหลังเงียบๆ

และยิ่งเมื่อ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้พักโทษกลับอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า ก็ยิ่งทำให้ถูกมองว่า ทักษิณ คือนายกรัฐมนตรีตัวจริง  เพราะแม้แต่ เศรษฐา เองก็ยังเข้าไปพบปะ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า มาแล้ว

ไม่แค่นั้นยังมีการมองเลยไปถึงว่าเบื้องหลังของ ทักษิณ ก็ยังมี “คุณหญิงอ้อ” พจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยา ที่ถึงหย่าขาดกัน ก็แค่ทางกฎหมาย แต่ยังคงเคียงข้างในการช่วยเหลือให้ ทักษิณ ได้กลับประเทศ มาตลอด ตลอด 17 ปีที่ผ่านมา  แม้แต่ต้องเข้าไปบ้านสี่เสาเทเวศร์มาแล้ว แต่ไม่เป็นผล ก็ตาม จนตอนนี้คุณหญิงพจมาน ก็ยังถือว่า มีบทบาทสำคัญในการคุมอำนาจทั้งในส่วนของ เพื่อไทยและเกมการเมือง ถึงขั้นที่คอการเมืองเคยยกให้เป็นนายกฯหญิงตัวจริง ตั้งแต่สมัย ทักษิณเป็นนายก ฯ  และมองบารมี สามารถที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่คุณหญิงพจมาน ไม่ชอบเล่นการเมือง และยังห่วงหวงไม่อยากให้ลูกสาวคนเล็กอย่าง นางสาวแพทองธาร เข้าสู่สนามการเมืองด้วย

แต่เมื่อทุกอย่างมันเป็นดีล แลกกับการกลับไทยของ ทักษิณ ทำให้ พรรคเพื่อไทย และ ทักษิณ รวมถึง นางสาวแพทองธาร มีภารกิจที่จะต้องต่อสู้ในทางการเมือง เพื่อสกัดกั้นพรรคก้าวไกลไม่ให้มาเป็นรัฐบาล เพื่อปกป้องสถาบัน คุณหญิงพจมาน จึงต้องยอมให้ลูกสาวคนเล็กเข้าสู่สนามการเมือง และแน่นอนว่าหัวอกคนเป็นแม่ย่อมห่วงลูกและย่อมคอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังแม้ว่าตอนนี้ ลูกสาว จะยังไม่ได้เป็นนายกฯหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย ก็ตาม

ดังนั้นในสถานการณ์การเมืองและสถานภาพของอำนาจในปัจจุบันจึงทำให้เกิดภาพลักษณ์ และความรู้สึก ของการมีนายกรัฐมนตรี มากกว่า 1 คน และ อาจถึง 5 คน เลยทีเดียว เพราะ เศรษฐา อาจมีอำนาจในด้านการบริหารประเทศ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ตามกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ได้มีอำนาจตัวจริง ในทางการเมือง

ปัญหาที่ เศรษฐา ต้องเจอนอกเหนือจากการมีนายกรัฐมนตรี มากกว่า 1 คนแล้ว ยังตามมาด้วยกระแสการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี โดยมีการนำไปเชื่อมโยงกับ ดีล ระหว่าง ทักษิณ กับแกนนำ ขั้วอนุรักษ์นิยม แม้ว่า จะไม่เคยมีสัญญาสุภาพบุรุษว่า จะให้ เศรษฐา เป็นนายกฯ แค่ชั่วคราว ในช่วงการจัดตั้งรัฐบาลแรกๆ และให้เปลี่ยนเป็นนายกฯ ที่มาจากตัวแทนของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ก็ตาม

แต่ก็มีการปั่นกระแสข่าวนี้ จนทำให้จับตามองกันว่าเป็น ดีล จริง หรือ จะมีการ “หักดีล”  ล้มรัฐบาล เพื่อเปลี่ยนตัวนายกฯ  โดยเฉพาะในช่วงก่อน 11 พฤษภาคม 2567 นี้ที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดที่แต่งตั้งโดยคสช. จะหมดวาระลง โดยจะอาศัยการอภิปรายฯ การทำงานของรัฐบาล โดย สว. ในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ และเป็นช่วงลุ้นเรื่องเงินดิจิตอล 10,000 นโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยและโดยเฉพาะ เศรษฐา ที่หากไม่สามารถทำได้ตามที่หาเสียงไว้ ก็จะมีการร้องต่อ องค์กรอิสระ เพื่อกดดันให้เศรษฐา แสดงสปิริต ด้วยการลาออก เพื่อรับผิดชอบ ต่อการไม่สามารถทำโครงการนี้ให้เป็นจริงได้

กระแสข่าวเหล่านี้ จึงทำให้มีการจับตามองไปที่ นายกรัฐมนตรีสำรอง หากเศรษฐา เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นจริง

จนมีชื่อของ “ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) รองนายกรัฐมนตรีและ รมว. พลังงานซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคคนที่ 2 ต่อจาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ก่อนหน้านี้มีการปลุกกระแสเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกฯ ต่ออีก 2 ปีตามโควตาที่เหลือ แต่ในเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นองคมนตรี และมีภารกิจสำคัญที่ต้องปฏิบัติ นับจากนี้ จึงทำให้คาดหวังกันว่า พีระพันธุ์ จะเป็นตัวแทน ของ พล.อ.ประยุทธ์

ในจังหวะนี้เป็นช่วงที่มีกระแสข่าวว่า “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองเลขาธิการสำนักพระราชวัง จะลาออกเพราะมีปัญหาเรื่องสุขภาพจริง  แต่ก็กลับมีการปล่อยข่าวลือว่า จะมาเป็น นายกฯ  หรือ เป็น รมว.กลาโหม เพราะ พล.อ.อภิรัชต์ เป็นเพื่อนรักของนายพีระพันธุ์  และถือเป็นน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยโดยที่ผ่านมา ก็ตกเป็นข่าวลือว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับ การตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ

กระแสข่าวนี้ทำให้ฝ่ายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ และฝ่ายอนุรักษ์นิยม ที่ต่อต้านระบอบทักษิณ  ก็มีความหวังที่จะมี แม่ทัพคนใหม่มานำทัพสู้ศึกการเมือง  ต่อสู้กับขบวนการล้มล้างสถาบันฯ จนมองข้าม การเจ็บป่วยจริง ของ พล.อ.อภิรัชต์ ไปเลย

ในจังหวะนี้ก็ไปสอดคล้อง กับความเคลื่อนไหวภายในพรรคพลังประชารัฐ หลังจาก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค กลับมาต่อสู้ในทางการเมืองต่อในการลงพื้นที่และประชุมพบปะลูกพรรค รวมทั้งประกาศว่าพรรคพลังประชารัฐจะเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมที่ทันสมัย พร้อมลุกขึ้นมาแต่งตัวกระชากวัย สีสันฉูดฉาดเหมือนช่วงหาเสียง ก่อนหน้านี้อีกครั้ง  ราวกับว่ายังมีความหวังที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่

พร้อมกับกระแสข่าวที่ว่า พล.อ.ประวิตร ได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายทักษิณ มาเป็นระยะๆ และอาจหาโอกาสไปพบที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ในสักวันหนึ่ง เพราะ พล.อ.ประวิตร ก็เคยสนิทสนมกับ ทักษิณมาก่อน ถึงขั้นที่ ทักษิณ ยอมแต่งตั้งให้เป็น ผบ.ทบ. มาแล้ว

อีกทั้งในห้วง 9 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่การรัฐประหารของคสช. พล.อ.ประวิตร ก็มีส่วนสำคัญในการช่วยดูแลครอบครัวชินวัตร ไม่ให้โดนคดีทั้งตัว คุณหญิงพจมาน และลูกๆ โดยเฉพาะ พานทองแท้ ชินวัตร ที่เคยเกือบโดนเล่นงาน ก็ถือว่ามีบุญคุณต่อครอบครัว แม้ลูกๆจะไม่ชอบ พล.อ.ประวิตร ก็ตาม แต่ พล.อ.ประวิตร ยังสายตรงกับคุณหญิงพจมานมาได้ตลอด

อีกทั้งแกนนำพรรคพลังประชารัฐรัฐ ทั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค และ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายแท้ๆ ของ “บิ๊กป้อม” ก็ถือว่าเป็นคนใกล้ชิดสนิทสนม ทักษิณ ทั้งสิ้น จนถูกมองว่าในอนาคตพรรคพลังประชารัฐจะเป็นพรรคสาขาหนึ่งของพรรคเพื่อไทย

ไม่แค่นั้นในจังหวะนี้ พล.อ.ประวิตร ก็ยังดึง “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ. ตร. กลับมาช่วยงานพรรคพลังประชารัฐอีกครั้ง  หลังจาก พล.อ.ประวิตร รู้ว่าไม่สามารถฝากผีฝากไข้ฝากพรรคไว้กับน้องชายได้ เพราะอาจจะไม่ถนัดทำงานการเมืองในลักษณะนี้ ที่สำคัญ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ก็เป็นเพื่อนรักเพื่อนซี้ของ พล.อ.อภิรัชต์ อีกด้วย

แม้ว่า เดิมจะเคยมีความขัดแย้ง ของ พล.ต.อ. จักรทิพย์ กับ ร.อ.ธรรมนัส ก็ตาม  แต่มาตอนนี้ ก็ต้องกลับมาจับมือกันเพื่อสู้ศึกทางการเมือง  รวมถึงสยบศึกความขัดแย้งของ ร.อ.ธรรมนัส กับ พล.ต.อ.พัชรวาท ด้วย

ขณะที่ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยก็ขยับภายใต้ความเงียบ เพราะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกคนหนึ่ง เพราะหากเกิดอุบัติเหตุใดๆกับ เศรษฐา พรรคภูมิใจไทย ก็ถือเป็นพรรคที่มีจำนวน สส.มากเป็นอันดับ 2 รองจากพรรคเพื่อไทย และเคยแสดงความจริงใจด้วยการเป็นพรรคแรกที่จับมือกับพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล

อีกทั้งตลอดหกเดือนที่ร่วมรัฐบาลมาในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย อนุทิน ก็ให้ความเคารพ เศรษฐา อย่างมาก และปรากฏภาพของความใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้น รวมทั้งกับ นางสาวแพทองธาร ที่ อนุทิน ก็ใกล้ชิด ถึงขั้นที่คุณ “จ๋า” ธนานนท์ ภริยาไปสมัครเรียนหลักสูตร วปอ. สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต หรือ มินิวปอ. รุ่น 1 รุ่นเดียวกับ นางสาวแพทองธาร ที่จะเพิ่มความใกล้ชิดกันมากขึ้น  จนบางครั้งดูเสมือนว่า อนุทิน ยอมหมอบไม่หวังที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอีกแล้ว ก็ตาม แต่อะไรก็ไม่แน่นอนสำหรับการเมืองเมืองไทย

ในยามนีั อาจถึงเวลา ที่ขั้วอนุรักษ์นิยม ต้องผนึกกำลังกัน กับ ทักษิณ และ พรรคเพื่อไทยในการเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งในอีก 3 ปีข้างหน้า หรืออาจเร็วกว่านั้น  เพื่อยุติ กระแสก้าวไกลทั้งแผ่นดิน สีส้มทั้งประเทศไทยให้ได้ เพราะภารกิจปกป้องสถาบัน เป็นเดิมพันสำคัญ