จากกรณี พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ให้ทำการสืบสวนผู้ที่มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ทางสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อทำการกวดขันบังคับใช้กฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้อง ต่อมา พ.ต.อ.กฤติน ตปสีโล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ทำการสืบสวนตามสั่งการของผู้บังคับบัญชา จนทราบว่า นายเกรียงไกร (ขอสงวนนามสกุล) มีพฤติการณ์จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ทางสื่อสังคมออนไลน์จึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้น ต่อศาลอาญาธนบุรี เพื่อทำการตรวจค้น ณ สถานที่ซุกซ่อนบุหรี่ไฟฟ้า ของนายเกรียงไกร ซึ่งมีไว้เพื่อจำหน่ายทางสื่อสังคมออนไลน์

ล่าสุดเวลาประมาณ 07.00 น. วันที่ 5 มี.ค.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ภาสกร กันประดับ, พ.ต.ท.รังสรรค์ แสงรูจี, พ.ต.ต.สันติ ชื่นชม สว.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1, ร.ต.อ.ฤทธิไกร ขุนท้าวเทียม, ร.ต.ท.สนทยา มะลิพรม รอง สว.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 และ จ.ส.ต.พงศกร คำวิชัย ผบ.หมู่ วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 ทำการตรวจค้นตามหมายค้นศาลอาญาธนบุรี ที่ 73/2567 ลงวันที่ 4 มี.ค.67 ณ บ้านหลังหนึ่ง ซ.ประชาอุทิศ 15 แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กทม. ผลการตรวจค้นพบของกลางบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายเกรียงไกร ในฐานความผิด นําของที่ผ่านหรือกําลังผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร หรือส่งของดังกล่าวออกไปนอกราชอาณาจักร หรือนําของเข้าเพื่อการผ่านแดนหรือการถ่ายลําเลียงโดยหลีกเลี่ยงข้อจํากัดหรือข้อห้ามอันเกี่ยวกับของนั้น ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึง นำตัวนายเกรียงไกร ส่งพนักงานสอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

เบื้องต้น นายเกรียงไกร ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ เพื่อดำเนินการตามกฎหาย และจะเร่งขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้อง

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้ตระหนักถึงการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กและเยาวชน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผลสำรวจ การบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบ ในเยาวชนไทยปี 2565 โครงการ Global Youth Tobacco Survey จากองค์การอนามัยโลก พบ เด็กและเยาวชนอายุ 13-15 ปี สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 5.3 เท่า จาก 3.3% ในปี 2558 เพิ่มเป็น 17.6% ในปี 2565 ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้ามุ่งเป้าทำการตลาดกับเด็กและเยาวชน โดยใช้การแต่งกลิ่นและรส มีมากถึง 16,000 รูปแบบ และบุหรี่ไฟฟ้าอาจเป็นประตูให้เด็กและเยาวชนสู่ยาเสพติดชนิดอื่นๆ จึงเป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรีมุ่งเน้นปราบปราบการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า