คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์  เศรษฐช่วย                         

ดูเหมือนว่าขณะนี้ “ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน”ส่งสัญญานเป็นวาทะที่เกรี้ยวกราดและเด็ดเดี่ยวเพื่อต้องการไม่ให้สหรัฐฯและพันธมิตร ส่งทหารภาคพื้นดินไปช่วยยูเครนสู้รบ คำข่มขู่ที่ออกมาจากปากของประธานาธิบดีปูตินเกิดขึ้นในจังหวะที่เขาออกไปหาเสียงตำแหน่งประธานาธิบดีของรัสเซียในสมัยที่ 5 โดยการเลือกตั้งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 15-17 มีนาคม 2024 นี้ !!!

การกล่าวสุนทรพจน์ที่มีความยาวกว่า 2 ชั่วโมงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่เพิ่งผ่านมานี้  เขาแสดงความเป็นผู้นำด้วยท่าทีที่ขึงขังกล่าวย้ำๆว่า “หากนาโตส่งทหารภาคพื้นดินเข้าสู่ยูเครน ก็จะเป็นการเสี่ยงต่อการเกิดสงครามนิวเคลียร์”

โดยสุนทรพจน์นี้เกิดขึ้นเพียงสามวันหลังจากที่ “ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง” ของฝรั่งเศสออกมากล่าวว่า “ประเทศตะวันตกที่มีนาโตเป็นแกนนำไม่ควรตัดสิทธิ์การส่งกองกำลังทหารภาคพื้นดินไปช่วยเหลือยูเครน”

และทันทีที่ประธานาธิบดีมาครงได้แถลงออกมาเช่นนี้  กลับปรากฏว่าสหรัฐอเมริกาและบรรดาประเทศสมาชิกในองค์การนาโต้ส่ายหัวปฏิเสธไม่ยอมเอาด้วย สำหรับการเลือกตั้งในตำแหน่งประธานาธิบดีของรัสเซีย ที่จะมีขึ้นในเดือนมีนาคมนี้ ปรากฏว่าไม่มีผู้ใดเข้าไปประกาศที่จะลงแข่งขันเลยแม้แต่คนเดียว ส่วน “อเล็กเซ นาวาลลี” ซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ต้องเสียชีวิตในคุกเมื่อเร็วๆนี้ด้วยสถานการณ์ที่ลึกลับ!!!

และจากผลสำรวจล่าสุดนี้ระบุออกมาว่า ชาวรัสเซียส่วนใหญ่ถึง 75% สนับสนุนประธานาธิบดีปูตินให้นั่งอยู่ในตำแหน่งดั้งเดิมอนึ่งขณะนี้มี 9 ประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง นั่นก็คือ รัสเซีย สหรัฐอเมริกา จีน ฝรั่งเศส อังกฤษ ปากีสถาน อินดีย อิสราเอล และเกาหลีเหนือ

จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูล “Statisca” เมื่อเดือนมกราคม ปีค.ศ. 2023 เปิดเผยว่า จำนวนหัวรบอาวุธนิวเคลียร์ที่มีทั้งหมด 12,512 หัวนั้น ปรากฏว่า รัสเซียมีหัวนิวเคลียร์ 5,889 หัว, สหรัฐฯมี 5,244 หัว, จีนมี 410 หัว, ฝรั่งเศสมี 290 หัว, อังกฤษมี 225 หัว ,ปากีสถานมี 170 หัว, อินเดียมี 164 หัว, อิสราเอลมี 90 หัว, และเกาหลีเหนือมี 20 หัว(ข้อมูลจาก Statista เมื่อเดือนมกราคม 2023)

อนึ่งนาโตคาดการณ์ว่า รัสเซียอาจจะโจมตีนาโตในปี 2025 โดยขณะนี้นาโตมีงบประมาณด้านการทหาร 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ และมีกำลังประจำการมากกว่าสามล้านคน ส่วนกำลังสำรองมีอยู่ที่ 2.7 ล้านคน

และยิ่งไปกว่านั้นบรรดาชาติพันธมิตรก็สามารถเรียกเกณฑ์ทหารเพื่อเข้ารับราชการทหารได้อีก 206 ล้านคน นอกจากนั้นนาโต้ก็มีรถถังในคลังแสงมากกว่า 14,000 คัน มีเครื่องบินทหาร 21,000 ลำ และมีเรือรบอีกกว่า 2,000 ลำ

ส่วนรัสเซียก่อนหน้าที่จะบุกเข้าสู่ยูเครนนั้น ปรากฏว่ารัสเซียมีอาวุธนิวเคลียร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และยังมีบุคลากรประจำการมากกว่าหนึ่งล้านคน และกำลังสำรองอีกกว่าสองล้านคน

ในการทำสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน สหรัฐฯประเมินออกมาแล้วว่า ขณะนี้มีจำนวนของทหารรัสเซียที่เสียชีวิตไปแล้วกว่า 120,000 นาย และที่บาดเจ็บมีระหว่าง 170,000 ถึง 180,000 นาย อีกทั้งรัสเซียยังต้องสูญเสียยุทโธปกรณ์สู้รบไปมากกว่า 14,000 ชิ้นในสนามรบ รวมถึงสูญเสียจำนวนรถถังที่ถูกทำลายหรือถูกยึดครองไปแล้วมากกว่า 2,700 คันเลยทีเดียว!!!

และเมื่อมองจากภาพรวมแล้ว ถือได้ว่าองค์การนาโต้ มีกองกำลังทหารที่น่าเกรงขามที่สุดในโลก

 ทั้งนี้ประธานาธิบดีวลาดีเมีร์ ปูตินได้กล่าวแบบซ้ำๆซากๆเสมอๆว่า “รัสเซียจะนำอาวุธนิวเคลียร์ไว้ใช้เพื่อปกป้องตนเองและเพื่อทำลายล้างศัตรู” โดยประธานาธิบดีปูตินเชื่อมาโดยตลอดว่า “องค์การนาโต้คือศัตรูตัวฉกาจต่อความมั่นคงปลอดภัยของรัสเซีย”

อนึ่งขณะนี้รัสเซียมีคลังแสงนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียก็มีมากมายหลากหลายแบบ และมีศักยภาพในการทำลายล้างในวงกว้างสามารถยิงนิวเคลียร์ได้จากขีปนาวุธภาคพื้นดิน จากเรือดำน้ำ หรือจากเครื่องบิน

ส่วนอาวุธนิวเคลียร์ขนาดเล็กของรัสเซียก็มีแสนยานุภาพร้ายแรงสามารถให้แรงระเบิดมากถึง 300 กิโลตันหรือ 20 เท่าของระเบิดที่เคยทำลายล้างฮิโรชิมาที่ครั้งนั้นคร่าชีวิตผู้คนชาวญี่ปุ่นไปกว่า 140,000 ราย

ทั้งนี้หากรัสเซียละเมิดสนธิสัญญาห้ามใช้อาวุธนิวเคลียร์ ก็ถือได้ว่าสนธิสัญญาจะเป็นแค่เพียงกระดาษฉบับเดียว แต่อย่างไรก็ตามการที่รัสเซียออกมากล่าวประกาศข่มขู่ว่า จะนำอาวุธนิวเคลียร์ออกมาใช้นั้น ถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย

ที่ผ่านๆมามักจะมีคำถามหนึ่งที่มีการกล่าวกันอยู่บ่อยๆว่า ประธานาธิบดีปูตินจะนำอาวุธนิวเคลียร์มาใช้กับยูเครนหรือไม่?

และถึงแม้ว่าจะยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัดว่าประธานาธิบดีปูตินจะนำอาวุธนิวเคลียร์มาใช้ในสงครามยูเครนเมื่อใดก็ตาม  แต่ดูเหมือนว่าคำขู่ล่าสุดของประธานาธิบดีปูตินนอกจากจะส่งสัญญาณที่อันตรายแล้ว เขายังใช้กลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่ทำให้คนทั่วไปเกิดวิตกกังวลว่า เขาอาจจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ในสงครามยูเครน ที่ย่อมส่งผลกระทบด้านมนุษยชนในวงกว้างอย่างมากมายมหาศาล!!!

อย่างไรก็ตาม “รัฐมนตรีกลาโหมเซียร์เกย์ ชอยกู” ของรัสเซียกล่าวมาตลอดเวลาว่า รัสเซียมิได้ละเมิดสนธิสัญญาอวกาศของปี 1967 แต่อย่างใด

ทั้งนี้จากรายงานของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2024นี้ในเนื้อหาว่า หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯรายงานว่า ภายในปีนี้รัสเซียอาจจะนำหัวรบนิวเคลียร์จำลองที่ไม่เป็นอันตรายยิงขึ้นสู่วงโคจร เพื่อโชว์ออฟให้ชาวโลกได้เห็นถึงแสนยานุภาพของอาวุธนิวเคลียร์ที่รัสเซียครอบครองอยู่ว่า มีขีดความสามารถขนาดไหน !!!

และถึงแม้ว่าขณะนี้กองทัพของยูเครนเริ่มจะขาดแคลนร่อยหรอทางด้านอาวุธยุทโธปกรณ์มากขึ้นทุกทีๆก็ตาม แต่เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024 ที่ผ่านมานี้ วุฒิสภาของสหรัฐฯได้อนุมัติงบประมาณช่วยเหลือแก่ยูเครนแล้วถึง 95.3 พันล้านดอลลาร์ ด้วยมติสนับสนุนอย่างท่วมท้น70 ต่อ 29 เสียง

แต่กระนั้นก็ตามถึงแม้ว่าขณะนี้มีนักการเมืองกลุ่มขวาจัดของพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนฯยังคงออกมาต่อต้านไม่ต้องการจะให้สหรัฐฯช่วยเหลือยูเครน เพราะพวกเขาต้องการที่จะให้สงครามครั้งนี้จบลงอย่างเบ็ดเสร็จก็ตาม แต่เป็นที่คาดการณ์กันว่า ในที่สภาผู้แทนฯของสหรัฐฯก็คงจะอนุมัติ เพราะถือเป็นเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ แถมเงินงบประมาณที่ช่วยเหลือนั้น ส่วนใหญ่จะนำไปจัดซื้ออาวุธที่ผลิตในสหรัฐอเมริกานั่นเอง (ดังสำนวนที่ว่า อัฐยาย ซื้อขนมยาย)

กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นการที่ “ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน” ออกมาประกาศข่มขู่ว่า จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ ก็นับได้ว่า เขาอาจจะต้องการจะแสดงพลังให้ผู้คนเกรงกลัวถอยหนี แต่เมื่อใดก็ตามที่องค์การนาโต้ตัดสินใจนำกองกำลังทหารภาคพื้นดินเดินทางเข้าไปปฏิบัติการณ์ในยูเครน ความเสี่ยงที่สงครามจะเกิดวิบัติขึ้น ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยบรรดาชาติสมาชิกขององค์การนาโตทั้ง 32 ประเทศคงจะต้องเตรียมความพร้อมรับมือต่อมหาสงครามนิวเคลียร์ที่แสนอันตรายสุดๆละครับ