วันที่ 8 มี.ค.67 พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (รอง.ผบช.สอท.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รอง.ผบช.สอท. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการระดมกวาดล้างจับกุมเครือข่ายซื้อขายอาวุธปืนและกระสุนปืนออนไลน์ เพื่อป้องกันการนําไปใช้ก่อเหตอาชญากรรมร้ายแรงที่สร้างความเสียหายต่อชีวิตทรัพย์สินของประชาชน  

พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ เนื่องจากในปัจจุบันมีกลุ่มผู้ค้าขายปืนและเครื่องกระสุนปืนเถื่อนผ่านช่องทางออนไลน์เป็นจํานวนมาก ซึ่งจากการตรวจค้นและกวาดล้างเครือข่ายซื้อขายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนเถื่อนในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรสาคร สามารถจับกุมผูัต้องหารวม 38 คน พร้อมตรวจยึดของกลางอาวุธปืนรวม 44 กระบอก และกระสุนปืนกว่า 3,678 นัด  ส่วนกระสุนปืนที่พบว่าเป็นกระสุนปืนอาวุธสงครามนั้น เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบบรรจุอยู่ในในถุงดําไม่มีกล่องจึงไม่ทราบแหล่งที่มาว่านํามาจากที่ใด 

ทั้งนี้ พล.ต.ต.จิระวัฒน์ กล่าวว่า อาวุธปืนของที่นํามาวันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งมีทั้งปืนจริงและปืนแบลงค์กันทีานํามาดัดแปลงจนสามารถใช้ยิงกระสุนจริงได้ ซึ่งถือเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของประชาชน โดยทาง บช.สอท. ยืนยันว่าจะเดินหน้ากวาดล้างเครือข่ายและกลุ่มลักลอบซื้อขายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนเถื่อนอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

นอกจากนี้ ได้จับกุมหนุ่ม รปภ. ค้าสื่อลามกเด็กไทยและต่างชาติ โพสต์เชิญชวนผ่านกลุ่มลับบนแฟลตฟอร์มออนไลน์ โดย พ.ต.อ.สุวัฒน์ รอง.ผบก.ตอท. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้รับเบาะแสจากมูลนิธิ For Freedom International (FF) ว่าพบการกระทำผิดเกี่ยวกับการครอบครองและเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสื่อลามกเด็กต่างชาติ โดยพบข้อความที่โพสต์ผ่านแอปพลิเคชัน X เปิดในลักษณะกลุ่มลับ ชื่อ "The boys" และกลุ่ม "gir“  เจ้าหน้าที่จึงเร่งดําเนินการสืบสวนจนพบว่าผู้จัดการบัญชีหรือแอดมิน คือ นายรัฐติพงษ์ อายุ 24 ปี อาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ปัจจุบันประกอบอาชีพหลักเป็น รปภ. และมีอาชีพเสริมคือการขายคอมพิวเตอร์มือสอง

ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุญาตศาลออกหมายค้นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พบนายรัฐติพงษ์ อยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว จากการตรวจค้นพบของกลางโทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง เครื่องที่ 1 พบภาพสื่อลามกอนาจารเด็กทั้งหญิงและชายจำนวนมากและ เครื่องที่ 2 ซึ่งใช้เป็นเครื่องหลักในการเปิดกลุ่ม "The boys" และกลุ่ม "gir“ ภายในพบข้อมูลทั้งภาพนิ่งและวิดีโอคลิปอนาจารของเด็กจำนวนมาก มีการจัดเก็บไฟล์ใน Megacloud จำนวนกว่า 10,000 ไฟล์
นอกจากนี้ยังพบว่ามีคลิปอนาจารของเด็กอายุต่ำสุดเพียง 6 ขวบอีกด้วย โดย นายรัฐติพงษ์ ยอมรับว่าตนเองมีพฤติกรรมส่วนตัวและรสนิยมที่ชอบทั้งผู้หญิงและผู้ชาย จึงได้เข้ากลุ่มเพื่อเสพคลิปอนาจารทั้งเด็กผู้หญิงและผู้ชาย ต่อมาเห็นว่าสามารถทำรายได้ได้ดี จึงได้ออกมาตั้งกลุ่มและเป็นแอดมินเอง เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวพร้อมแจ้งข้อหา "ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น และเพื่อความประสงค์แห่งการค้า“ จากนั้นนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ่อวิน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ขณะที่ พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ เปิดเผยเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณี แอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ VK ว่า ที่ผ่านมาตํารวจไซเบอร์เคยมีการจับกุมผู้ต้องหาในคดีเรื่องของแอปฯ VK อยู่หลายคดี แต่ไม่สามารถสั่งปิดได้ เนื่องจากเป็นของประเทศรัฐเซีย ต่างจาก เฟซบุ๊ก อินสตราแกม ที่สามารถขอปิดได้

จากนั้น พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง.ผบช.สอท. พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รอง ผบช.สอท. พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รอง ผบก.สอท.2  พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม รอง ผบก.สอท.4 พ.ต.อ.บัญชา ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.สุวัฒน์ เกิดแก้ว รอง ผบก.ตอท. ยังได้แถลงข่าวปฏิบัติการ “Cyber Guard II” กรณีตำรวจไซเบอร์กวาดล้างปืนเถื่อนออนไลน์ ของกลางอาวุธปืน 44 กระบอก กระสุนกว่า 3,678 นัด

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังการกระทำความผิดผ่านช่องทางออนไลน์โดยเฉพาะกรณีการซื้อขายอาวุธปืน เพื่อป้องกันอาชญากรรม ยับยั้งไม่ให้นำอาวุธปืนไปก่อเหตุอาชญากรรมที่ร้ายแรง สร้างความเสียหายต่อชีวิตทรัพย์สิน โดยในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ 2567 มีผลการระดมกวาดล้างจับกุม ผู้ต้องหา จำนวน 37 คน พร้อมทั้งตรวจยึดของกลางอาวุธปืนมีทะเบียนจำนวน 9 กระบอก อาวุธปืนไม่มีทะเบียน จำนวน 35 กระบอก กระสุนปืน 3,035 นัด และกระสุนปืนอาวุธสงคราม 625 นัด ทลายเครือข่ายค้าปืนออนไลน์ผ่าน YouTube รวบผู้ต้องหาพร้อมของกลางจำนวน 5 ราย มีการลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ดัดแปลง และเครื่องกระสุนปืน ผ่าน YouTube จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่ามีการซื้อขายผ่าน กลุ่มลับของแอปพลิเคชัน LINE ที่มีจำนวนสมาชิกนับหลาย 100 คน พบข้อมูลว่ามีความเชื่อมโยงกับผู้ต้องสงสัยที่กระทำผิดหลายราย จึงได้สืบสวนขยายผลตรวจค้นจับกุมบ้านเป้าหมาย 5 จุด

พร้อมทั้งบุกห้องเช่าหนุ่มโรงงาน ตั้งฐานผลิตปืนเถื่อนส่งขายผ่านเฟซบุ๊กอวตาร สืบสวนพบบัญชีเฟซบุ๊กอวตารบัญชีหนึ่ง มีพฤติการณ์โพสต์ขายอาวุธปืนผิดกฎหมาย ตั้งแต่ประมาณปลายปี 2566 จึงได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมและรวบรวมข้อมูลมาโดยตลอดจนสามารถระบุตัวเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าวคือ นายจักริทร์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ชาว จ.หนองคาย ปัจจุบันทำงานเป็นลูกจ้างโรงงานแห่งหนึ่งในนิคมอมตะนคร และได้เช่าห้องพักอยู่กับภรรยา ที่หอพักแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ม.2 ต.ดอนหัวฬ่อ อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดชลบุรี

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังพร้อมหมายค้น บุกเข้าตรวจค้นห้องพักดังกล่าว พบนายจักรินทร์ อยู่ภายในห้องเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ ก่อนจะเอ่ยปากยอมรับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและนำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจยึดอาวุธปืนยาว และกระสุนปืนประเภทต่างๆ รวมถึงอุปกรณ์สำหรับผลิตและดัดแปลงอาวุธปืนทั้งหมดจำนวนหลายรายการ พร้อมยอมรับว่าเคยขายอาวุธปืนที่ผลิตขึ้นเองไปบ้างแล้วก่อนหน้าที่จะถูกจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “ทำ ประกอบ ซ่อมแซม มีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย หรือสำหรับการค้าโดยไม่รับอนุญาตจากนายทะเบียน” และ “ทำอาวุธปืน หรือมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาตจากนายทะเบียน” พร้อมยึดของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ดอนหัวฬ่อ จ.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป