วันนี้ (9 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการสอบสวนกลาง (กองปราบ) ตัวแทนกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ประมาณ 20 คน ได้เข้าพนักงานสอบสวนกองปราบ เพิ่อให้ดำเนินคดีกับนิติบุคคลสถานที่แห่งหนึ่ง ย่านรังสิต ทั้งนี้สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุนิติบุคคลนำรถแบ็คโฮ พร้อมกลุ่มชายฉกรรจ์ เข้ามารื้อถอนร้านค้าที่ตั้งค้าขายอยู่ในพื้นที่ของเอกชนมากว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งขณะที่นำรถแบคโฮมารื้อถอน ขณะนั้นร้านค้าต่างๆยังมีลูกค้า สร้างความตกใจ และสร้างความเสียหายให้กับร้านค้าและทรัพย์สินของพ่อค้าแม่ค้า โดยเฉพาะร้านขนาดใหญ่ประมาณ 4 ร้านที่ถูกแบคโฮทำลายไปแล้ว

โดยตัวแทนพ่อค้าแม่ค้า ที่เดินทางมาแจ้งความที่กองปราบปรามวันนี้ ระบุว่า พวกตนได้ใช้พื้นที่ดังกล่าวประมาณกว่า 7 ไร่ ใน ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ด้านหน้าโรงพยาบาลชื่อดังย่านรังสิต ตั้งร้านค้ามาตั้งแต่ปี 2542 ขณะนั้นพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นป่ารกร้าง ภายหลังเจ้าของพื้นที่ทราบว่าพวกตนได้เข้ามาใช้พื้นที่ดังกล่าวค้าขาย จึงอนุญาตและไม่ได้เก็บค่าเช่า พร้อมย้ำไว้ว่า หากใครมาไล่ ก็อย่าไป จนกว่าเจ้าของพื้นที่ดังกล่าวจะมาขอใช้พื้นที่คืน ถึงจะย้ายออกไปได้ 

ขณะที่ในช่วงเดือนตุลาคม 2566 ได้มี นิติบุคคลของหมู่บ้านจัดสรร อ้างว่าได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าของพื้นที่ เข้ามาเจรจาขอคืนพื้นที่ พร้อมนำเอกสารเข้ามาเพื่อขอให้พ่อค้าแม่ค้ารื้อถอนร้านออกเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากพวกตนไม่ได้รับการติดต่อมาจากเจ้าของพื้นที่โดยตรง จึงไม่แน่ใจว่านิติบุคคลดังกล่าวแอบอ้างเข้ามาเพื่อจะยึดพื้นที่โดยมิชอบหรือไม่ ขณะที่เบื้องต้นทราบว่าเจ้าของพื้นที่ที่เคยให้อนุญาตพวกตนเข้ามาใช้เสียชีวิตแล้ว แต่ก็ไม่ทราบว่าที่ดินดังกล่าวมีการเปลี่ยนมือด้วยหรือไม่

สำหรับการเดินทางมาแจ้งความในวันนี้พวกตนเพียงต้องการที่จะแจ้งความเพื่อที่เรียกร้องในส่วนของทรัพย์สินจากการถูกแบ็คโฮเข้ามาทำลายจนเสียหาย ส่วนจะคืนพื้นที่ดังกล่าวให้กับเจ้าของพื้นที่หรือไม่ หากเจ้าของพื้นที่มีเจตจำนงค์ต้องการจะยึดคืนก็พร้อมจะย้ายออกแต่โดยดี เพราะพวกตนไม่ได้มีแนวคิดอยากจะมายึดครอบครองปรปักษ์อยู่แล้ว แต่ยอมรับว่าหากไม่ได้ค้าขายในพื้นที่ดังกล่าวพวกตนได้รับผลกระทบอยู่แล้ว เพราะไม่มีพื้นที่ทำกิน เพราะอาชีพนี้คืออาชีพที่สร้างรายได้หลักมาจุนเจือครอบครัว