เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 มี.ค. 2567 ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แทน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ที่ปฏิบัติภารกิจในการเดินทางเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ และกิจกรรมคู่ขนาน ณ กรุงปารีส และเมืองคานส์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส และเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีอย่างเป็นทางการ และกิจกรรมคู่ขนาน ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ 7- 13 มี.ค. 

โดยวันเดียวกันนี้มี ครม.แจ้งลาการประชุม 6 คน ได้แก่ 1.นายเศรษฐา 2.นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ 3.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม 4.นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน 5. นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.การต่างประเทศ และ 6.พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม. ถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในการเดินทางไปต่างประเทศของ นายเศรษฐาว่าไม่คุ้มกับงบประมาณในการใช้จ่าย ขณะที่ผลงานในประเทศของรัฐบาลยังไม่ปรากฎว่า ทุกคนก็ทราบดีว่างบประมาณปี 2567 มีความล่าช้า ซึ่งกว่าจะใช้ได้ก็ประมาณกลางเดือน เม.ย. แล้ว ที่ไปวิพากษ์วิจารณ์ว่าใช้งบประมาณจำนวนมาก ถือเป็นการขัดแย้งกับข้อเท็จจริง การที่นายกฯเดินทางไปต่างประเทศประมาณ 16 ประเทศ และเดินทางไปลงพื้นที่จังหวัดต่างๆในประเทศไทยถือเป็นมิติใหม่ของนายกฯ ในการเปิดประเด็นให้เห็นถึงแนวคิดในเรื่องการปรับเปลี่ยนของงานด้านต่างๆ ให้เกิดช่องทางการรับรู้ การสร้างงาน และทำให้เกิดการลงทุนเข้ามาภายในประเทศของเรา ส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เหมือนกรณีของรัฐมนตรีอื่นๆก็เช่นกัน หากนั่งทำงานในกระทรวงเพียงอย่างเดียว และไม่มีความคิดอะไรใหม่ๆเข้ามาเลย ประเทศจะอยู่กับที่ การใช้งบประมาณจะเป็นรูปแบบเดิม ซึ่งไม่สามารถขยายความเจริญไม่ว่าเรื่องของการลงทุนหรือรายได้ที่จะเข้ามาสู่ประเทศ 

 

“ถ้านายกฯ ไม่เปิดแนวทางหรือประเด็นใหม่ๆให้มากๆ เราจะไปหารายได้เข้าประเทศจำนวนมากได้อย่างไร อีกทั้งจะมีการพัฒนาประเทศได้อย่างไร และถ้านายกฯทำงานต่อไปให้ครบ 4 ปี ก็จะมีข้อมูลจำนวนมากจากการเดินทางไปต่างประเทศและนำมาพัฒนา ซึ่งจะเป็นผลบวกอย่างมาก ถ้ามัวจะไปคิดว่าในประเทศยังไม่มีเงินใช้จ่ายแต่กลับต้องไปเสียค่าเครื่องบิน ค่าที่พักในการเดินทางไปต่างประเทศ มันเป็นเรื่องที่เล็กมาสำหรับค่าใช้จ่ายตรงนี้หากเปรียบเทียบกับโอกาสและผลประโยชน์ที่จะได้มา สิ่งเหล่านี้ไม่น่าจะไปพูดหรือเสียดสี“ นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีคนไปพูดเสียดสีกรณีที่นายกฯนำผ้าขาวม้าไปใช้เพื่อให้ชาวต่างประเทศได้เห็น ส่วนตัวมองว่าการที่นายกฯเดินทางไปต่างจังหวัดแล้วมีประชาชนนำผ้าขาวม้ามามอบให้ รวมทั้งของฝากอื่นๆ การที่นายกฯนำผ้าขาวม้าติดตัวไปต่างประเทศด้วยแสดงให้เห็นว่านายกฯมีความคิดถึงพี่น้องประชาชน คิดถึงคนต่างจังหวัด แม้ตัวจะเดินทางไปอยู่ต่างประเทศ ไปทำงาน แต่ใจก็ยังนึกถึงชาวบ้าน ตนคิดว่าเป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งที่นายกฯมีแนวคิดและไอเดียในการพูดคุยกับพี่น้องประชาชนว่าแม้ตัวจะไปต่างประเทศแต่ยังไม่ลืมคนไทย สร้างความรู้สึกของความใกล้ชิดตลอดเวลาเพราะมีผ้าขาวม้าติดตัวไป