วันที่ 12 มี.ค.2567 เวลา 10.10 น. ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเตรียมยื่นอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า ขณะนี้ตัวร่างญัตติอยู่ที่นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยเราได้นัดหมายกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันพรุ่งนี้ (13 มี.ค.) เวลา 10.00 น. เพื่อยื่นญัตติดังกล่าว ส่วนสัดส่วนการอภิปรายนั้นต้องรอดูว่าเราจะได้วันและเวลาอภิปรายของแต่ละฝ่ายก่อน ส่วนการจัดการเรื่องเวลานั้น ตนคิดว่าไม่เป็นเรื่องยากเพราะเราเคยผ่านการอภิปรายงบประมาณและการแถลงนโยบายของรัฐบาลมาแล้ว ทั้งนี้ เราได้มีการพูดคุยเรื่องหัวข้อซึ่งนายชัยธวัช ได้แจ้งกับพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า เราจะต้องมีการจัดหมวดหมู่กันอีกครั้ง เพื่อให้มีความสอดคล้อง

เมื่อถามว่า ประเด็นที่จะอภิปรายตกผลึกแล้วใช่หรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคก้าวไกล ตอนนี้เราได้จัดหมวดหมู่และเห็นภาพมากขึ้น แต่ต้องบอกว่าผู้ที่เสนอหัวข้อก็มีจำนวนมากเหมือนเดิม และเราคงต้องมีการมาคัดอีกครั้งว่าจุดที่เป็นไฮไลท์เราจะพูดเรื่องอะไรบ้างตามเวลาที่เรามีอยู่อย่างจำกัด  สำหรับพรรคอื่นเราได้มีการพูดคุยไปแล้ว และเป็นหน้าที่ที่เขาจะรวบรวมประเด็นกันอีกครั้ง

เมื่อถามว่า หากไม่มีประเด็นเรื่องการใช้งบประมาณของรัฐบาลจะมีช่องทางใดที่สามารถอภิปรายได้บ้าง นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า การอภิปรายแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เป็นการอภิปรายเพื่อซักถามรัฐมนตรีถึงเรื่องต่างๆที่รัฐบาลดำเนินการ ซึ่งต้องย้อนไปถึงตอนที่รัฐบาลแถลงนโยบายที่มีการแถลงใหญ่ แต่อาจจะไม่ได้ทำอะไรเลย บางเรื่องต้องบอกว่าอาจไม่จำเป็นต้องมีงบฯก็สามารถเริ่มดำเนินการให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ แม้อาจจะไม่ได้มีการทุจริตอะไร แต่มันคือการที่ยังไม่ได้เริ่มทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน

“หากเราอยากเห็นภาพว่าใน 4 ปี ประเทศจะเปลี่ยนไปแค่ไหน ผมคิดว่าประมาณ 7-9 เดือน ก็ต้องเห็นเป็นรูปเป็นร่างบ้างแล้ว หากเรื่องไหนที่พูดแล้วยังไม่ได้ทำอะไรเลย ผมก็คิดว่าเป็นการทวงถาม หรือบางนโยบายที่พูดไว้อีกแบบ แต่ทิศทางอาจจะไปอีกแบบ เราก็ต้องทวงถามว่าเกิดอะไรขึ้น ตกลงแล้วจะเป็นไปตามที่เคยแถลงไว้หรือไม่

เช่น เรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ตที่ขณะนี้เป็นนโยบายที่คิดไป ทำไปหรือไม่ หรือเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ที่หลายอย่างไม่จำเป็นต้องใช้งบ หรือแม้กระทั่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่พรรคเพื่อไทยพูดบ่อยมาก และคิดว่าน่าจะเป็นนโนบายที่พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญเป็นอันดับ 1 ด้วยซ้ำ แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นความชัดเจน ไม่ตรงกับที่เคยพูดไว้” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าการตรวจสอบของฝ่ายค้านจะมีประสิทธิภาพ หลังที่ผ่านมาถูกมองว่าการตั้งกระทู้ถามสด เป็นการเกี้ยเซียะกับรัฐบาล นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ามองกันมุมไหน แต่ในมุมของตนที่เป็นประธานวิปฝ่ายค้าน เช่น เรื่องของการตั้งกระทู้ถามในส่วนของพรรคก้าวไกล เราก็มีการคัดเลือกกันอย่างเต็มที่ อีกอย่างที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากสมัยที่ผ่านมาคือเมื่อเราได้กระทู้มากขึ้น เราก็อยากถามกระทู้สดที่เกี่ยวข้องกับความเดือดร้อน ปากท้องประชาชน เราอยากให้ความสำคัญในหลายๆเรื่อง ส่วนประเด็นทางการเมืองหากไม่ได้แหลมคมจริงๆ เราก็คิดว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้เวทีการถามกระทู้สด เราสามารถใช้เวทีอื่นในการตรวจสอบได้ หากมองดีๆการออกสื่อของพรรคก้าวไกล คือการตรวจสอบของรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา

“ผมคิดว่าการอภิปราย 152 พรรคก้าวไกลอภิปรายอยุ่ทุกสัปดาห์ ไม่ว่าจะนอกสภา หรือในสภา เราก็พูดเรื่องนี้อยู่ทุกสัปดาห์ หลายประเด็นสื่อก็เอาจับไปเป็นเรื่องใหญ่ด้วยซ้ำ ” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลจะพูดเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่ปฏิบัติต่อนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ด้วยหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า มีอยู่ในหัวข้อที่วางเอาไว้ ส่วนจะเป็นเจ้าภาพหลักเองหรือไม่นั้นตนคิดว่าในแต่ละเรื่อง อาจไม่ได้มีใครเป็นเจ้าภาพโดยตรง เพียงแต่เราต้องคุยกันเพื่อไม่ให้ซ้ำกัน  

เมื่อถามว่าฝ่ายค้านหวังผลให้เกิดแรงกระเพื่อมอย่างไร นานยปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นการสร้างแรงกดดันให้รัฐบาลทำอะไร บางอย่างที่เคยสัญญาไว้กับประชาชน หรืออะไรที่ยังไม่ได้ทำก็จะได้มีการเคลื่อนไหว และทำตามที่สัญญาไว้บ้างหรืออะไรที่ผิดทางมีกลิ่นแปลกๆ ก็จะได้หยุดการกระทำ