เมื่อวันที่ 13 มี.ค.67 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ คว้าคะแนนเสียงจากผู้แทนได้จำนวนผ่านเกณฑ์การเป็นแคนดิเดตของพรรคเดโมแครต อย่างเป็นทางการ เมื่อคืนนี้ (12 มี.ค.) โดยจะแข่งกับอดีต ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ในศึกเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ในเดือน พ.ย.นี้ ถือเป็นการรีแมตช์คู่ชิงปธน.สหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 70 ปี

รายงานข่าวแจ้งว่า ปธน.ไบเดนได้คะแนนเสียงจากผู้แทนแล้วอย่างน้อย 1,968 เสียงเมื่อคืนนี้ หลังเริ่มมีการทยอยรายงานผลการเลือกตั้งรอบไพรมารีในรัฐจอร์เจีย

ทั้งนี้ หลังทราบผลคะแนนดังกล่าว ปธน.ไบเดนออกแถลงการณ์โดยกล่าวโจมตีแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ว่าเป็น "แคมเปญแห่งความเคียดแค้น การล้างแค้น และการเอาคืน ซึ่งคุกคามแนวคิดพื้นฐานของความเป็นอเมริกา"

"ตอนนี้โหวตเตอร์มีทางเลือกที่ต้องตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของประเทศนี้ เราจะยืนหยัดปกป้องประชาธิปไตย หรือจะปล่อยให้คนอื่นมาทำลาย เราจะฟื้นคืนสิทธิที่จะเลือกและปกป้องเสรีภาพของเรา หรือจะปล่อยให้พวกหัวรุนแรงมาเอาไป" ปธน.ไบเดนกล่าว

รายงาน แจ้งด้วยว่า เป็นที่คาดว่านายทรัมป์จะได้เป็นแคนดิเดตของพรรครีพับลิกันอย่างเป็นทางการหลังจากนี้เมื่อทราบผลคะแนนจากอีก 4 รัฐ โดยนางนิกกี เฮลีย์ อดีตเอกอัครราชทูตประจำสหประชาชาติ (UN) คู่แข่งคนสุดท้ายของนายทรัมป์ ประกาศถอนตัวจากการแข่งขันอย่างเป็นทางการหลังพ่ายแพ้ให้กับทรัมป์ในแทบทุกรัฐในศึก "ซูเปอร์ทิวส์เดย์" (Super Tuesday)

ทั้งไบเดนและทรัมป์ต่างก็มุ่งความสนใจไปที่ศึกการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 5 พ.ย.นี้เรียบร้อยแล้ว โดยทั้งสองหาเสียงโจมตีอีกฝ่ายในรัฐจอร์เจียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (9 มี.ค.)

ในเมืองโรม รัฐจอร์เจีย นายทรัมป์วัย 77 ปี ยังคงยืนยันว่าผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2563 นั้นมีการฉ้อโกง พร้อมกล่าวโทษฟานี วิลลิส อัยการประจำเคาน์ตีฟูลตัน ว่าดำเนินคดีกับตัวเขาด้วยเหตุผลทางการเมือง นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังวิจารณ์ปธน.ไบเดนว่าล้มเหลวในการแก้ปัญหาผู้อพยพที่ไหลบ่าเข้าทางชายแดนใต้ของสหรัฐ

ขณะเดียวกัน ทีมแคมเปญหาเสียงของปธน.ไบเดนก็เริ่มเปิดเกมรุกมากขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (8 มี.ค.) โดยประกาศว่าได้ทุ่มเงินจากการระดมทุนจำนวน 30 ล้านดอลลาร์ไปกับการโฆษณา และปธน.ไบเดนจะเดินสายหาเสียงไปตามรัฐสำคัญ ๆ ที่มีการแข่งขันชิงคะแนนเสียงอย่างดุเดือด นอกจากนี้ ทางทีมงานยังระบุว่าสามารถระดมเงินทุนได้ 10 ล้านดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมงหลังปธน.ไบเดนแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) อีกด้วย

อนึ่ง การรีแมตช์คู่ชิงปธน.สหรัฐครั้งล่าสุดนั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 2499 โดยปธน.ดไวต์ ไอเซนฮาวร์ จากพรรครีพับลิกัน เอาชนะนายแอดเล สตีเวนสัน อดีตผู้ว่าการรัฐอิลลินอยจากพรรคเดโมแครต ได้เป็นครั้งที่ 2

อย่างไรก็ดี โพลจากสำนักข่าวรอยเตอร์/อิปซอสระบุว่า ทั้งไบเดนและทรัมป์ต่างก็เป็นแคนดิเดตที่ไม่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่

ด้านนายทรัมป์เผชิญปัญหาทางกฎหมายรุมเร้าโดยถูกฟ้องข้อหาอุกฉกรรจ์ถึง 91 กระทงใน 4 คดี ซึ่งอาจทำให้นายทรัมป์ประสบปัญหาในการคว้าคะแนนเสียงจากกลุ่มผู้มีการศึกษาสูงที่อาศัยอยู่บริเวณชานเมือง

ขณะเดียวกัน ปธน.ไบเดนเองก็ถูกมองว่าอายุมากเกินไปสำหรับการเป็นปธน.ต่ออีก 4 ปี แม้พันธมิตรของไบเดนจะเชื่อว่าการแถลงนโยบายประจำปีอย่างดุเดือดที่ผ่านมาอาจช่วยแก้ปัญหาภาพลักษณ์ด้านนี้ได้ก็ตาม

ทั้งนี้ ปัญหาเศรษฐกิจจะเป็นประเด็นหลักของการหาเสียงในศึกครั้งนี้เช่นเคย โดยถึงแม้เงินเฟ้อจะชะลอตัวและตลาดหุ้นจะพุ่งทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสมัยของปธน.ไบเดน แต่โพลบ่งชี้ว่าชาวอเมริกันไม่คิดว่านี่เป็นผลงานของไบเดน และรู้สึกไม่พอใจที่สินค้า เช่น อาหาร มีราคาแพงขึ้นในช่วงหลังโควิด-19

 


#โจไบเดน #ประธานาธิบดีสหรัฐ #โดนัลด์ทรัมป์