วันที่ 14 มี.ค.67  รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr ระบุข้อความว่า ณ ขณะนี้ หากเราคิดด้วยใจเป็นธรรมโดยไม่ลำเอียงไปในทางหนึ่งทางใดเกี่ยวกับกรณีคุณทักษิณ ไม่มีทางเลยที่เราจะเชื่อว่าคุณทักษิณป่วยจริงจนถึงขนาดที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก็ไม่ได้ ต้องไปที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจเท่านั้น ดูง่ายๆว่า พอได้พักโทษก็กลับบ้านได้ ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลแล้วโดยฉับพลัน และวันนี้ก็จะสามารถเดินทางไปเชียงใหม่ได้ เพียงแค่นี้แม้แต่เด็กที่เพิ่งเริ่มรู้ความก็ไม่มีทางเชื่อ

ลองคิดต่อดูว่า หากเราเป็นนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี หรือส.ส.พรรคเพื่อไทย หรือเป็นนักการเมืองพรรคอื่นๆที่มีความเกรงใจคุณทักษิณ เราจะสามารถพูดหรือให้ข่าว แถลงข่าว หรือตอบคำถามนักข่าว เกี่ยวกับเรื่องที่คุณทักษิณเป็นนักโทษที่ไม่ต้องติดคุก แบบที่พวกเขากำลังทำกันอยู่ได้หรือไม่

หากคิดดูแล้วคำตอบคือ ไม่ได้ เพราะมันฝืนความรู้สึกมากเกินไป เราไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าสังกัดพรรคเพื่อไทยได้ หรือกระทั่งอาจไม่มีคุณสมบัติเป็นนักการเมืองเลยก็ได้

คิดต่อไปอีก ก็จะรู้สึกสิ้นสงสัยว่าคุณทักษิณยังคงมีอำนาจสูงสุดของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลหรือไม่ เมื่อคุณทักษิณได้รับการพักโทษและผู้ที่มาเยี่ยมเกือบจะทันทีก็คือสมเด็จฮุนเซ็น แม้มีข้ออ้างว่าเป็นเพื่อนเก่าและยังเคยเกี่ยวดองกันอยู่ระยะหนึ่ง แต่ไม่มีใครเชื่อว่าเป็นการมาเยี่ยมธรรมดาโดยไม่มีการเจรจาหารือเพื่อผลประโยชน์ระหว่างกัน สมเด็จฮุนเซ็นต้องเลือกที่จะเจรจากับผู้ที่มีอำนาจสูงสุดอยู่แล้ว

สถานการณ์การเมืองในช่วงนี้ นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งจนครบวาระ ซึ่งดูแล้วก็มีความเป็นไปได้ไม่น้อย เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงมากกว่า 1 ปัจจัยที่จะทำให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปได้อีกไม่นาน เฉพาะเรื่อง digital wallet เรื่องเดียวก็หากยังดึงดันต่อไปก็รอดยากแล้ว สังเกตปฏิกิริยาของพรรคร่วมรัฐบาลก็พอจะรู้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามคุณอนุทิน ชาญวีรกูลว่า จะสนับสนุนให้กู้เงินตามนโยบาย digital wallet หรือไม่ คุณอนุทินตอบว่า “หากไม่ผิดกฎหมายก็จะสนับสนุน” ขณะนี้ปปช.กล้าแสดงความเห็นแล้วว่า ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤตแต่อย่างใด

หากประเทศกำลังประสบภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างหนักหนาสาหัส เหตุใดนายกรัฐมนตรีจึงใช้เงินถึง 138 ล้านบาท ปรับปรุงทำเนียบรัฐบาล เห็นว่าแค่พรมอย่างเดียวต้องใช้เงินเกือบ 10 ล้านบาท นี่เป็นคำถามของคนส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่คนของพรรคเพื่อไทย บางคนถึงกับบอกว่า ปรับปรุงทำเนียบไว้รับนายกรัฐมนตรีคนใหม่กระมัง

จะว่าไป คุณเศรษฐาเองที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เกิดจากการเจรจาต่อรองกันจนถึงชั่วโมงสุดท้ายก่อนการลงคะแนนในรัฐสภา คุณเศรษฐาจะอยู่เป็นนายกรัฐมนตรีได้นานแค่ไหนจึงน่าจะอยู่ที่การเจรจาต่อรองเช่นกัน

หากคุณเศรษฐามีอันต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่จะมาแทนก็ไม่น่าจะใช่คุณ แพทองธาร ชินวัตร เนื่องจากการเป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่อะไรก็เกิดขึ้นได้เช่นนี้ มีความเสี่ยงเกินไปต่ออนาคตทางการเมืองของทายาทคนสำคัญของคุณทักษิณ เหตุผลอีกประการคือ อาจจะต้องถึงคิวอีกฝ่ายบ้างที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี จะเป็นคุณอนุทิน ชาญวีรกูล คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หรือพลเอก ประวิตร วงศ์สุวรรณ ก็เป็นไปได้ เพราะทั้งสามเป็นผู้ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

จริงๆอยากให้ประเทศเราได้นายกรัฐมนตรีหน้าใหม่ที่ไม่ใช่คนหน้าเดิมที่เห็นกันอยู่ ที่เป็นคนเก่งจริงดีจริง และทำเพื่อประเทศชาติอย่างแทัจริง นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อย่าลืมว่า ก่อนถึงวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมาตรา 272 วรรคสอง ยังเปิดช่องให้สามารถเสนอบุคคลอื่นที่ไม่ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ โดยต้องมีสมาชิกรัฐสภาสภาจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ เข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภาขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อตามที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ในกรณีเช่นนั้น ให้ประธานรัฐสภาจัดให้มีการประชุมรัฐสภา และรัฐสภาต้องมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของทั้ง 2 สภา จึงจะยกเว้นได้

การได้นายกรัฐมนตรีที่ไม่ใช่นักการเมืองโดยไม่ได้ทำรัฐประหารเคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อปี 2523 เมื่อพลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นประกาศลาออกกลางสภาฯ และหัวหน้าพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาล โดยมีพรรคชาติไทยเป็นแกนนำ พร้อมใจกันเสนอชื่อ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งในเวลานั้นรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้คนนอกเป็นรัฐมนตรีได้ แต่รัฐธรรมนูญปัจจุบันไม่ได้เปิดช่องให้ทำได้แบบนั้น ปัจจุบันหากพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาลทุกพรรคร่วมมือกันเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง เรื่องนี้จะเป็นไปได้แน่นอน

ความเคลื่อนไหวทางการเมืองล่าสุด กกต.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล เนื่องจากกรณีล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 ความจริงตามกฎหมาย ต่อให้ไม่มีคนไปยื่นกกต.ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ กกต.ก็ต้องยื่นเองเพราะ มาตรา 92 ระบุว่า

“เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใด กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคเมืองนั้น" ซึ่งการกระทำการล้มล้างการปกครองฯ และการกระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็น 2 ข้อใน 4 ข้อที่เป็นเหตุที่ต้องยุบพรรค และกรณีนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าเข้าข่ายว่าเป็นการล้มล้างการปกครองฯ ไม่ยื่นก็คงไม่ได้

ไม่น่าเชื่อว่าพรรคก้าวไกลถึงกับบากหน้าพยายามยื่นญัตติด่วนต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาขอบเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ทราบจะศึกษาอะไร เพราะได้กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองอยู่แล้วว่าให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค หรือจะต้องการจะตอบโต้ศาลรัฐธรรมนูญหรือต้องการแก้กฎหมายเพื่อประโยชน์ของตัวเอง นี่หรือคือพรรคการเมืองที่คุยว่าถ้าได้เป็นรัฐบาลจะเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมี

ช่วงนี้คงเป็นช่วงของการเก็บกวาดบ้านเมืองให้สะอาดเรียบร้อย ใครที่คิดร้ายต่อบ้านเมือง ต่อสถาบันหลักของชาติจะต้องรับกรรมที่ก่อไว้ไปเรื่อยๆจนครบทุกคน ลูกบ้านที่ทำอะไรที่เป็นการละเมิด หมิ่นแคลน ไม่เคารพเกรงใจเจ้าของบ้าน ก็จะต้องรับผลกรรมที่ตัวเองก่อขึ้น นี่ไม่ใช่เรื่องของความไม่เป็นธรรมแต่อย่างใด

หวังว่า จากวันนี้เป็นต้นไป ประเทศเราจะมีสิ่งที่ดีเกิดขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดไม่ทราบอีกนานเท่าใด เราจะมีนายกรัฐมนตรีที่ดี มีคณะรัฐมนตรีที่ดี ที่ไม่ได้มาจากการคำนวณโควต้าว่ากลุ่มใด พรรคใดจะได้ตำแหน่งกี่ตำแหน่ง กระทรวงใดบ้าง เกรด A หรือไม่ โดยไม่คำนึงความรู้สามารถและความเหมาะสม เป็นนายกรัฐมนตรีที่มองถึงประโยชน์ของชาติมากกว่าประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง สร้างโอกาสให้ประชาชนทุกคนที่มีชีวิตที่ดีได้ แม้จะไม่เท่าเทียมกันเสียทีเดียว

เราจะมีวันนี้กันหรือไม่ อยู่ที่พวกเรากันเองทั้งสิ้น

ขอบคุณ เฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr