"สภาผู้บริโภค" ผนึก 314 องค์กรขอของขวัญปีใหม่ไทย จาก "รัฐบาล- พรรคการเมือง-สส.-สว. ร่วมแก้ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคปี 2522 ให้ทันสมัย ป้องกันถูกละเมิดสิทธิจากเอไอ หวังยกระดับสิทธิผู้บริโภคเทียบเท่าสากล

เมื่อวันที่ 15 มี.ค.2567 ที่ผ่านมา สภาผู้บริโภค จัดงานวันสิทธิผู้บริโภค โดยมีสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) องค์กรสมาชิกสภาผู้บริโภคกว่า 314 องค์กรทั่วประเทศเข้าร่วมเสวนา โดยประเด็นหลักของการรณรงค์ในปีนี้คือการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสิทธิผู้บริโภคด้านปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอเพื่อให้ผู้บริโภครู้เท่าทัน มีความรับผิดชอบ และได้รับความเป็นธรรมจากการใช้เทคโนโลยีเอไอ

นน.ส.บุญยืน ศิริธรรม ประธานสภาผู้บริโภค กล่าวว่าประเทศไทยจำเป็นต้องยกระดับในด้านการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้บริโภคเห็นว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคในปี 2522 ต้องมีการปรับปรุงแก้ไข เนื่องจากมีการคุ้มครองผู้บริโภคเพียง 5 ด้าน ขณะที่การคุ้มครองผู้บริโภคในสากลมีการคุ้มครองผู้บริโภค 8 ด้านด้วยกัน ซึ่งปีนี้สภาผู้บริโภคตั้งเป้าหมายว่าจะเสนอรัฐสภาให้แก้ไขกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคเทียบเท่ากับสากล อย่างเช่น เรื่องฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเป็นสิทธิของผู้บริโภคที่จะอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่อากาศดี

“ปีนี้เราตั้งเป้าหมายจะแก้กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค เรารอคนอื่นแก้มานานแล้วไม่สำเร็จสภาผู้บริโภคและสมาชิกจะแก้กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคตั้งแต่ปี 2522 ให้มีการคุ้มครองผู้บริโภคครบ 8 ด้านเท่ากับผู้บริโภคสากล ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจาก สส.และสว. ในการผ่านกฎหมายเพราะฉะนั้นต้องอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้มีอำนาจ” นางสาวบุญยืนกล่าว


ด้านน.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า วันผู้บริโภคสากลในปีนี้ (15 มีนาคม 2567) สหพันธ์ผู้บริโภคสากลกำหนดวาระ "เอไอ (AI) ที่มีความรับผิดชอบและเป็นธรรมกับผู้บริโภค" เป็นหัวข้อหลักในการรณรงค์เรียกร้องร่วมกันขององค์กรผู้บริโภคทั่วโลก เพื่อมุ่งเน้นสร้างการรับรู้ในผลกระทบของผู้บริโภคอันเกิดจากแพลตฟอร์มที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ เอไอ เนื่องจากปัจจุบันของผู้บริโภคทั่วโลกกำลังถูกคุกคามจากการใช้เทคโนโลยีหรือ เอไอที่ถูกนำมาใช้เพื่อการหลอกลวงด้วยวิธีการต่าง ๆ

น.ส.สารี กล่าวอีกว่า ในปีนี้สภาผู้บริโภค หวังว่ารัฐบาลจะใช้วันสงกรานต์เป็นจุดเริ่มในการปรับปรุงกฎหมายร่วมกันและขอให้ทุกพรรคการเมืองร่วมกันเสนอแก้ไข พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค 2522 ที่ใช้มานาน โดยการเพิ่มความคุ้มครองผู้บริโภคให้ชัดเจนและให้เป็นสากลมากขึ้น ทั้งในเรื่องของอำนาจต่อรองให้กับผู้บริโภค การปกป้องผู้บริโภค การสนับสนุนองค์กรฟ้องคดีแทนผู้บริโภคต้องมีตัวแทนในสัดส่วนที่ชัดเจน เพราะแม้ว่าประเทศไทยจะมีกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคก่อนหลาย ๆ ประเทศ แต่กฎหมายที่ใช้อยู่ยังด้อยกว่าอีกหลายประเทศในอาเซียน


“การปรับปรุงกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค 2522 ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนซึ่งกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภคของสภาผู้แทนราษฏร และขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขในเรื่องนี้ ภายใต้ความร่วมมือกับสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคหรือ สคบ. เพื่อยกระดับสิทธิผู้บริโภคไทยเทียบเท่าสากล เช่น ในต่างประเทศระบุสิทธิในการเข้าถึงสินค้าและการบริการในการดำเนินชีวิตหลายประเทศรับรองสิทธิในเรื่องนี้ รวมถึงการปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย ทันกลโกงของมิจฉาชีพ รวมถึงเรื่องความเท่าทันของการทำงานเอไอ ทั้งเรื่องการโจรกรรมทาง (Cyber Crime) ที่ผู้บริโภคต้องเผชิญทุกวันด้วย” นางสาวสารีระบุ

นายกฤช เอื้อวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลตระหนักถึงสถานการณ์ปัญหาการละเมิดสิทธิของผู้บริโภคในรูปแบบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้โดยเฉพาะปัญหาของผู้บริโภคที่ถูกละเมิดสิทธิจากเทคโนโลยีดิจิทัลปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ ในหลากหลายรูปแบบและมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น จึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่องค์กรผู้บริโภคในระดับสากลและสภาองค์กรของผู้บริโภคซึ่งมีฐานะเป็นผู้แทนของผู้บริโภคในประเทศไทยได้ร่วมจัดงานนี้ขึ้นเพื่อร่วมรณรงค์เรียกร้องให้มีการใช้เทคโนโลยีเอไอที่มีความเป็นธรรมและมีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค


“รัฐบาลตระหนักดีว่าการเข้ามาของเอไอ มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและขณะเดียวกันก็อาจสร้างผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคในลักษณะใดลักษณะหนึ่งเกิดเป็นภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์ที่ใกล้ตัวผู้บริโภคมากขึ้น โดยในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมสนับสนุน และสภาผู้บริโภค ซึ่งเป็นภาคประชาชนร่วมทำงานในเรื่องนี้”

สำหรับในเรื่องการแก้ไข พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค ปี 2522 นายกฤช กล่าวว่า ช่องทางในการแก้ไขกฎหมายมีหลายช่องทาง โดยภาคประชาชนสภาผู้บริโภคได้เสนอแก้ไข ซึ่งกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนภาครัฐให้การสนับสนุนอย่างเต็มที

“ผมในฐานะที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบงานด้านคุ้มครองผู้บริโภคมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มามีส่วนร่วมในการสนับสนุนสภาองค์กรของผู้บริโภคในการจัดกิจกรรมการรวมตัวของผู้บริโภคองค์กรสมาชิกและองค์กรของผู้บริโภคเพื่อร่วมกันสร้างพลังในการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคของประเทศให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้นในการยกระดับสิทธิของผู้บริโภคและการคุ้มครองผู้บริโภคของประเทศไทยให้ทัดเทียมมาตรฐานสากลสามารถ พัฒนาพัฒนางานคุ้มครองผู้บริโภคโดยการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วนได้อย่างต่อเนื่องต่อไป” ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว


นอกจากนี้ ในงานวันสิทธิผู้บริโภคสากล ปี 2567 มีกิจกรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจทั้งการเสวนาในหัวข้อ Consumer Talk หัวข้อ "เราจะช่วยกันยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคไทยได้อย่างไร?" และTech Talk หัวข้อ : เอไอ (AI) กับการคุ้มครองผู้บริโภค“เราต้องหาแนวทางการใช้ประโยชน์จากเอไอไม่ใช่เพียงให้เอไอหลอกหลวงหรือการใช้ข้อมูลเท็จที่ซับซ้อน”ดีฟเฟค” (Deep Fake) อย่างเดียว รวมถึงเวทีระดมความคิดต่อการแก้ไข พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค 2522 และการระดมความเห็นเกี่ยวกับการปราบปรามภัยทุจริตทางการเงิน


ทั้งนี้ สภาผู้บริโภคจะจัดประชุมสมัชชาใหญ่ร่วมกับองค์กรสมาชิกจำนวน 314 องค์กร ใน 43 จังหวัด โดยที่ผ่านมาองค์กรสมาชิกได้ให้ความช่วยเหลือผู้บริโภคไปแล้วกว่า 43,446 เรื่อง เพื่อร่วมกันประเมินปัญหา และกำหนดแนวทางในการคุ้มครองผู้บริโภคต่อไป