วันที่ 18 มี.ค.2567 นายนพดล ปัทมะ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์พาดพิงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่กล่าวว่าเศรษฐกิจขณะนี้แย่กว่าช่วงต้มยำกุ้งว่า สิ่งที่นายทักษิณพูดในฐานะคนที่ห่วงใยบ้านเมือง ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ทางการเมือง และการพูดก็มิได้หมายความว่าต้องการให้เห็นว่าเศรษฐกิจวิกฤต เพื่อใช้เป็นข้ออ้างนำไปผลักดันนโยบายดิจิทัลวอลเลตแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะดำเนินการ แต่ที่พูดด้วยเจตนาบริสุทธิ์ และนายพิธา เองก็ยอมรับว่าเศรษฐกิจนั้นซึมลึก มาร่วม 10 ปี และปีที่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ไม่มีสงครามหลายจุดทั่วโลก ซึ่งกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจเช่นขณะนี้ ถามประชาชนรู้คำตอบว่าเศรษฐกิจตอนนี้กระทบตั้งแต่คนยากจนไปจนถึงบริษัทใหญ่

ส่วนประเด็นที่นายพิธา เตือนรัฐบาลอย่าบริหารเศรษฐกิจแบบหยดน้ำอย่างที่เคยชิน แต่ควรบริหารเศรษฐกิจแบบฐานรากว่า ความจริงนายพิธา น่าจะรู้ดีว่าจุดแข็งของเพื่อไทยคือเราเน้นเศรษฐกิจฐานราก เน้นการรดน้ำที่ราก นโยบายในอดีตสมัยพรรคไทยรักไทยไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดค่าใช้จ่ายและความเหลื่อมล้ำให้ประชาชนเช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค  การเข้าถึงแหล่งทุนเช่นกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนเอสเอ็มแอล ล้วนนำไปสู่การสร้างเศรษฐกิจฐานรากและลดความเหลื่อมล้ำ ความจริงนายพิธา เคยไปทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลสมัยที่ท่านทักษิณเป็นนายกฯ น่าจะเข้าใจประเด็นนี้ดี

นายนพดล กล่าวถึงกรณีที่อดีตนายกฯทักษิณ ได้สัมภาษณ์ว่าคนไม่ชอบหน้าให้ต่างคนต่างอยู่นั้น นัยยะของคำพูดคือแม้มีความเห็นต่างแต่อยู่ในสังคมกันได้ ไม่ต้องขัดแย้งกัน และที่เดินทางไปเชียงใหม่ก็ไปไหว้บรรพบุรุษและพบปะประชาชนตามตลาดบ้าง  เยี่ยมชมผลงานสมัยที่เป็นนายกฯ บ้าง การให้ความเห็นเรื่องฝุ่น PM 2.5 ก็เพราะรักและเป็นห่วงประชาชน  การไปเชียงใหม่ไม่ใช่การรณรงค์ทางการเมือง  แต่การที่น.ส.อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์พาดพิงในทางที่เสียหาย ว่าอดีตนายกฯ ทักษิณ เห็นแก่ตัว ไหนบอกจะเลี้ยงหลาน ไม่ปลง มักใหญ่ใฝ่สูง อยากเป็นสมเด็จแบบฮุนเซนนั้น ตนถือว่าล้ำเส้นไปมาก เป็นการใช้จินตนาการและใส่ร้ายอย่างไม่เป็นธรรม การวิจารณ์เช่นนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อใครเลยและสังคมประชาธิปไตยไม่ควรใช้เฮทสปีช หรือวาทกรรมสร้างความเกลียดชังและพรรคเพื่อไทยได้กำชับลูกพรรคแล้วว่าเวลาวิจารณ์ใครควรตั้งบนข้อเท็จจริงให้ความเป็นธรรม และอย่าไปใส่ร้ายหรือใช้เฮทสปีชเพราะไม่เป็นผลดีต่อการพัฒนาประชาธิปไตย