วันที่ 18 มี.ค. ที่ บช.ภ.1  พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1/ศอ.ปส.ภ.1, บช.ปส. โดย พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. พล.ต.ต.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง รอง ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ รอง ผบช.ปส.,  พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี,  พล.ต.ต.อภิรักษ์ เวชกาญจนา ผบก.ภ.จว.ลพบุรี, แถลงข่าวจับกุม จ้อ กับ เท่ห์ นักค้ายาเสพติด และทีมลำเลียงยาเสพติด

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ  กล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม,นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง และ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งระบบด้วยการสืบสวนขยายผลและวิเคราะห์ความเชื่อมโยงเครือข่ายของนักค้ายาเสพติดอย่างรู้เท่าทัน เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นทาง – กลางทาง – ปลายทาง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
        
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. สั่งการให้มีการสืบสวนสอบสวนขยายผลจากกรณีจับกุมยาเสพติดรายสำคัญทุกราย รวมถึงวิเคราะห์ความเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มผู้ผลิต นำเข้า ผู้ลำเลียง ผู้จัดเก็บ ผู้จำหน่าย และสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดนเข้ามาถึงพื้นที่ตอนในของประเทศ  สำหรับพฤติการณ์ในการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 1 ชุดที่ 2 และเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยข่าวกรองทางทหาร ศูนย์ปฏิบัติการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ได้สืบสวนขยายผล จากการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จนนำไปสู่การจับกุมนักค้ายาเสพติด และทีมลำเลียงยาเสพติดได้จำนวนมากหลายคดี และทำให้ทราบว่า นายวสันต์หรือ จ้อ อายุ 33 ปี และ นายยศพล หรือ เท่ห์ อายุ 30 ปี ทำหน้าที่ในการลำเลียงยาเสพติด  จากพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อลงมาส่งมอบให้กับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ตอนในของประเทศไทย จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้รับคำสั่งให้สืบสวนจับกุม จึงได้บูรณาการกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวนติดตามความเคลื่อนไหวของนายวสันต์หรือจ้อ และ นายยศพล หรือเท่ห์

ต่อมา ในวันที่ 16 มีนาคม 2567 จากการสืบสวนทราบว่า นายวสันต์หรือจ้อ และ นายยศพล หรือเท่ห์ฯ ผู้ต้องหาใช้รถบรรทุก HINO สีขาว เป็นยานพาหนะในการลำเลียงยาเสพติด และใช้รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ส สีขาว เป็นยานพาหนะสำรวจเส้นทางด่านตรวจยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงสะกดรอยติดตามจนถึงบริเวณริมถนนเลี่ยงเมืองลพบุรี (ขาเข้า สระบุรี) ม.6 ต.ป่าตาล อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงเข้าแสดงตนเข้าตรวจสอบ และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้พร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)  จำนวน 50 กระสอบ รวมจำนวน 5,000 มัด ประมาณ 10,000,000 เม็ด, รถบรรทุก HINO สีขาว จำนวน 1 คัน (ใช้ลำเลียงยาเสพติด), รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ส สีขาว จำนวน 1 คัน (ใช้สำรวจเส้นทาง)และปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ SIG SAUER P320SP ขนาด 9 มม. บรรจุกระสุนจำนวน 14 นัด
โดยกล่าวหาฐานผิดฐาน ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และกล่าวหานายวสันต์หรือจ้อฯ เพิ่มเติมว่า มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งสามารถจับกุมได้ที่ บริเวณริมถนนเลี่ยงเมืองลพบุรี (ขาเข้า สระบุรี) ม.6 ต.ป่าตาล อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2567 เวลาประมาณ 08.45 น.
จากการขยายผล นายวสันต์หรือจ้อ  รับว่าได้ขับรถบรรทุกยาเสพติดเดินทางจาก จังหวัดพะเยา มาส่งมอบให้กับผู้รับในพื้นที่จังหวัดสระบุรี โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 300,000 บาท และนายยศพล หรือเท่ห์  จะได้รับค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 10,000 บาท  การจับกุมในครั้งนี้ เป็นการยับยั้งการแพร่กระจายของยาเสพติดไปสู่ประชาชนได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งยาเสพติดของกลาง หากถูกนำออกขายสู่ท้องตลาดจะมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 300,000,000 บาท และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะขยายผลถึงกลุ่มลูกค้า ผู้สั่งการ และบุคคลในเครือข่ายยาเสพติด รวมถึงทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด โดยจะนำมาตรการสมคบ สนับสนุนช่วยเหลือ ฟอกเงิน และยึดทรัพย์สิน มาใช้ดำเนินการกับบุคคลในเครือข่ายยาเสพติดต่อไป