คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์   เศรษฐช่วย

แทบไม่น่าเชื่อว่าเมื่อค่ำวันที่ 7 มีนาคม 2024 ซึ่งเป็นการแถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรสสหรัฐฯของ “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน” ได้กลายเป็นสุนทรพจน์ที่แสนทรงพลัง จนสร้างความประทับใจต่อชาวอเมริกันสูงมากเป็นพิเศษ

การกล่าวสุนทรพจน์ที่มีความยาวหนึ่งชั่วโมงกับเจ็ดนาทีของประธานาธิบดีไบเดนมีความลื่นไหลไม่ค่อยมีอะไรติดขัด นับว่าเขาได้เตรียมความพร้อมเป็นอย่างดี จนได้รับเสียงปรบมือเกรียวกราวอยู่ตลอดเวลา!!!

โอกาสในการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน นับว่าเป็นจังหวะที่มีความพอดิบพอดีที่สามารถกลบเกลื่อนข่าวครึกโครมเกี่ยวกับชัยชนะของ “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” ที่เขาสามารถสร้างโมเมนตั้ม จนทำให้ “ผู้ว่าฯนิกกี เฮลีย์” คู่แข่งคนสุดท้ายถึงกับออกมาประกาศยกธงขาวยอมแพ้ แม้ว่าที่ผ่านมาเธอจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวก็ตาม

เท่ากับว่าขณะนี้หากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สามารถชนะอุปสรรคใน 4 คดีอาญา 91 กระทง ของเขาได้  โอกาสที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ จะเข้าไปรีแมตช์ต่อสู้กับคู่แข่งคนเดิมหน้าเก่าเยี่ยง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็คงมีความเป็นไปได้ไม่ยากนัก

แต่ทว่ายังมีนักการเมืองของค่ายพรรครีพับลิกันจำนวนไม่น้อยที่ยังคงออกมาต่อต้านอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่ต้องการให้เขาเข้าไปเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกัน เข้าไปลงแข่งขันเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยมีอาทิเช่น “อดีตรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์” ผู้ที่เคยมีความจงรักภักดีต่อ อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ นานกว่าสี่ปี โดยขณะนี้เขาออกมาต่อต้านประกาศอย่างหนักแน่นยืนกรานว่า “จะไม่สนับสนุน และจะทำทุกวิถีทางเพื่อมิให้อดีตประธานาธิบดีทรัมป์เข้าสู่ทำเนียบขาว”

อย่างไรก็ตามขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนกำลังเดินทางเข้าสู่สภาคองเกรสเพื่อกล่าวคำปราศรัยนั้น และขณะที่เขาเดินเข้าสู่รัฐสภาเขาได้รับการทักทายและได้รับการต้อนรับตามรายทางอย่างแน่นหนาอบอุ่น

และถึงแม้ว่าที่ผ่านๆมาคะแนนนิยมของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะไม่ค่อยดีนักก็ตาม แต่จากการกล่าวสุนทรพจน์ที่ลื่นไหลไม่มีอะไรติดขัดนี้เอง จากการหยั่งเสียงของซีเอ็นเอ็นปรากฏว่าชาวอเมริกันถึง 62% ลงความเห็นว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ขับเคลื่อนสหรัฐฯไปในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งคำเยินยอเช่นนี้มีไม่ค่อยบ่อยนัก ที่ชาวอเมริกันจะมอบให้แก่ประธานาธิบดีที่กำลังดำรงอยู่ในตำแหน่ง

การแสดงปฏิกิริยาในภาพพจน์ด้านบวกของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อวันพฤหัสบดีก่อน ดูๆแล้วเหมือนครั้งที่ชาวอเมริกันให้ความชื่นชมต่อ “วุฒิสมาชิกบารัก โอบามา” ตอนกล่าวในที่ประชุมของค่ายพรรคเดโมแครต ที่เขาได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม จนในที่สุดเขาตัดสินใจประกาศลงแข่งขันเลือกตั้งในตำแหน่งประธานาธิบดี และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็กลายเป็นนักการเมืองดาวรุ่งที่แสนจะโดดเด่นจนสามารถไปถึงดวงดาวสู่ตำแหน่งสูงสุด นั่นก็คือตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ!!!

ส่วนการแถลงนโยบายประจำปีและการรายงานผลงานรอบปีเมื่อค่ำวันที่ 7 มีนาคม 2024 ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต่อสภาคองเกรส ได้สร้างความสนใจอย่างท่วมท้นจากชาวอเมริกันทั่วไป โดยมีผู้ชมถึง 38.2 ล้านคนทั่วประเทศ นับว่าสร้างความหนักใจต่อฝ่ายที่สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ไม่น้อยเลยทีเดียว

อีกทั้งจากการหยั่งเสียงของซีเอ็นเอ็นภายหลังการกล่าวสุนทรพจน์จบลง ปรากฏว่า ชาวอเมริกันถึง 59% มีความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่โดยรวมของประธานาธิบดีโจ ไบเดน       

โดยก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะออกมากล่าวสุนพจน์ จากการหยั่งเสียงล่วงหน้าของซีเอ็นเอ็นได้ออกมารายงานว่า ความเชื่อมั่นของชาวอเมริกันที่มีต่อประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีอยู่เพียง 51% เท่านั้น และยังเป็นที่น่าสนใจอีกว่า กลุ่มอิสระที่มิได้สังกัดพรรคการเมืองใดๆ กลับเทคะแนนให้กับประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพิ่มขึ้นเป็น 68%

อย่างไรก็ตามปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ชาวอเมริกันไว้วางใจนั้น ส่วนใหญ่มักจะอยู่ที่เรื่องความเป็นอยู่ เรื่องปากเรื่องท้อง โดยชาวอเมริกันถึง 56% เล็งเห็นว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนปฏิบัติหน้าที่ด้านการบริหารประเทศ และด้านการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของเขาไปในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว!!!

ทั้งนี้ “ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์อลัน ลิธช์แมน” จาก “มหาวิทยาลัยอเมริกัน” ผู้ที่เคยทำนายได้อย่างถูกต้องแม่นยำเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า ใครคือผู้จะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ซึ่งมีความแม่นยำมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1982 โดยศาสตราจารย์ลิธช์แมนได้ให้ทรรศนะว่า “กุญแจดอกสำคัญที่สุดของผู้ที่จะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาอยู่ที่การมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และอยู่ที่ชาวอเมริกันพึงพอใจในด้านการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ” แต่ขณะนี้ดร.อลัน ลิธช์แมน ยังไม่ออกมาฟันธงคอนเฟิร์มว่า ใครจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนต่อไป!!!

ที่ผ่านๆมาดร.ลิธช์แมน มักจะแสดงทรรศนะที่เด่นชัดว่า ท่านไม่ได้ให้ความสำคัญตามการหยั่งเสียงของสำนักโพลต่างๆเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากท่านมักยึดหลักทฤษฎีกุญแจ 13 ดอกของท่าน ที่ท่านยึดปฏิบัติเรื่อยมากว่าสี่สิบปี

ทั้งนี้ดร.ลิธช์แมนได้เปรียบเทียบถึงข้อแตกต่างระหว่าง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งถือเป็นการบอกใบ้พอสมควร โดยท่านมักจะกล่าวว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีความได้เปรียบอยู่ในตัว เนื่องจากกำลังดำรงอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดี แถมไม่มีคู่แข่งในค่ายพรรคเดโมแครต อีกทั้งสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ยังไม่มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงไปในทางวิกฤติ แถมขณะนี้สหรัฐฯก็ยังไม่มีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นในสังคม

อย่างไรก็ตามดร.ลิธช์แมน ได้บ่งชี้ต่อไปว่า ทั้งประธานาธิบดีโจ ไบเดนและอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่างก็มีโอกาสที่จะได้รับเลือกเข้าสู่ทำเนียบขาว แต่หากอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ถูกตัดสินให้มีความผิดต่อคดีอาญาเพียงแค่คดีเดียว ก็คงจะเป็นการยากอย่างยิ่งที่ชาวอเมริกันจะยอมรับให้เขาเข้าไปดำรงตำแหน่งอยู่ในทำเนียบขาว

ย้อนกลับมาถึงการกล่าวสุนทรพจน์ในคืนวันนั้นโดยอันดับแรกประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้เอ่ยปากกล่าวถึง “ประธานาธิบดีวลาดีเมียร์ ปูติน”เกี่ยวกับสงครามยูเครนหลายๆครั้ง โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้กล่าวซ้ำๆแบบย้ำๆว่า “สหรัฐฯจะไม่มีวันยอมปล่อยให้ปูตินเป็นฝ่ายชนะสงคราม”

ทั้งนี้ในการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่มีความยาวกว่าหนึ่งชั่วโมงจะเห็นได้ว่าเขาต้องหยุดชะงักลงหลายครั้งเลยทีเดียว เพราะมีการลุกขึ้นปรบมือส่งเสียงเชียร์หลายต่อหลายครั้ง โดยมี “รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส”เป็นกองเชียร์อยู่ด้านหลัง ซึ่งมีผลทำให้ “ประธานสภาฯไมค์ จอห์นสัน” แสดงท่าทีอึดอัดไม่เห็นด้วยหลายๆครั้ง และเมื่อการกล่าวสุนทรพจน์จบลง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็ได้ใช้เวลาอย่างยาวนานเดินเข้าไปพูดคุยทักทายกับสมาชิกรัฐสภา เท่ากับเป็นการหาเสียงไปในตัว

กล่าวโดยทั้งนี้และทั้งนั้นไม่ว่าบทสรุปผลของการเลือกตั้งจะออกมาในแนวทางใด? และใครจะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนต่อไป? นับเป็นเรื่องที่สร้างความท้าทายต่อชาวอเมริกันมากที่สุด ส่วนปัญหาของ “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” อยู่ที่คดีอาญา 4 คดี 91 กระทงที่เขากำลังเผชิญอยู่ และปัญหาของ “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน” ก็อาจจะอยู่ที่อายุอานามของเขา แต่การที่เขาผ่านร้อนผ่านหนาวทางการเมืองมาเกือบตลอดทั้งชีวิต ก็ยากที่จะมองข้ามถึงประสบการณ์ที่เขาสั่งสมมาอย่างเต็มเปี่ยม จนอาจจะได้รับอานิสงส์กลายเป็นม้าตีนปลายวิ่งเข้าสู่เส้นชัยละครับ