“สยามรัฐ” ยืนหยัดอยู่บนบรรณพิภพ และสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ด้วยปณิธาน “นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ ปคฺคณฺเหปคฺคหารหํ” แปลว่า “พึงชมคนที่ควรชม พึงข่มคนที่ควรข่ม”...*...

1 วันพันเหตุการณ์! เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 มีแต่ข่าวพีคๆ ข่าวดังๆ   เช้ามาฝนตกถล่มกรุงชนิดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์  บ่ายฟ้าผ่าลงกรมปทุมวัน เด้ง  “2 บิ๊กตำรวจ” เข้ากรุสำนักนายกฯ เป็นประวัติศาสตร์ …*…

ช่วงสายมหากาพย์ หวย 30 ล้าน ความจริงก็คือความจริง “ครูปรีชา” ถูกศาลสั่งจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญาฐานฟ้องเท็จ “ลุงจรูญ” บ่ายแก่ๆ ศาลอาญา ยกฟ้อง “ใบเตย สุธีวัน” คดีแชร์ Forex3D …*…

ขณะที่วันเดียวกันนั้น ศาลรัฐธรรมนูญยังปล่อยผี ไม่รับคำร้องพรรคเพื่อไทยล้มล้างการปกครอง  และยังไม่รับคำร้องของ กกต.ให้ยุบพรรคก้าวไกล ขีดเส้นให้กกต.ไปทำเอกสารให้เรียบร้อยใน  7 วัน เรียกว่า แทบไม่มีใครสนใจศึกอภิปรายในสภาฯกันเลยทีเดียว…*…

อ่ะ แต่ที่พีคของพีค ก็เห็นจะเป็นกรณีที่ นายกฯ เซ็นคำสั่งย้าย ระดับผบ.ตร. และรองผบ.ตร ทั้ง “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล กับ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล พร้อมตั้งกรรมการสอบ เรียกว่า  “ไม่แน่จริง” ทำไม่ได้ เพราะบิ๊กตำรวจระดับหัวหน้าส่วนราชการ แถมใครก็รู้ดีว่า “สายแข็ง” ทั้งคู่ งานนี้ “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน พาวเวอร์ฟูลในฐานะประธานกตร. …*…

แม้เบื้องหน้า เบื้องหลัง ใครจะเม้าธ์มอยว่าต้องได้ “ไฟเขียว” ทำคนเดียวไม่ได้ แต่งานนี้  “นายกฯนิด” โชว์ความเด็ดขาดได้ กระชับอำนาจได้ใจกันไป จะไม่พีคได้ไง ถ้าหากย้อนไทม์ไลน์ ก่อนหน้าคำสั่งฟ้าผ่าไม่กี่ชั่วโมง 2 บิ๊กตำรวจเพิ่งตั้งโต๊ะแถลงโชว์ภาพปรองดองกันอยู่เลย…*…

ส่วน “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร. จะรักษาราชการแทนผบ.ตร.  60 วัน นับจากนี้ เพื่อให้มีการตรวจสอบข้อขัดแย้งทุกเรื่อง ทุกคดีที่มีการกล่าวโทษกัน โฟกัสจะย้ายไปอยู่ที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง 3 คนคือ นำโดย “ปลัดฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ นั่งเป็นประธานกรรมการ ชาติพงษ์ จีระพันธุ กรรมการ และ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง…*…

วกมาเรื่องการเมือง กรณีเพื่อไทยรอดดาบ ศาลรัฐธรรมนูญ กรณีล้มล้างการปกครองไปได้ เจ้าของต้นเรื่องที่ไปร้องคือ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ น่าจะหวังเทียบเคียงกับกรณีของพรรคก้าวไกล โดยยกกรณีที่ ชัยเกษม นิติสิริ ออกแถลงการณ์แกม.112 แต่ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้อง ไม่ปรากฏว่า นายชัยเกษม นิติสิริ ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคและไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนพรรคเพื่อไทย และไม่ปรากฎข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นได้ว่า พรรคเพื่อไทยมีความมุ่งหมายหรือการกระทำใด ๆ ที่น่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง …*…

เอาจริงๆ ถ้าไปเทียบกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนุญ กรณีของพรรคก้าวไกลนั้นจะเห็นได้ว่า นอกจากศาลจะพิจารณาเนื้อหาที่แสดงถึงเจตนาในการลดทอนการคุ้มครองพระมหากษัตริย์ลง ในการเสนอแก้ไขกฎหมายแล้ว ยังพิจารณาพฤติการณ์ต่างๆอย่างละเอียด “นายพิธา ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค และสมาชิกพรรคที่เป็นกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ตลอดจน สส. ที่มีพฤติการณ์เรียกร้องให้แก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 รวมทั้งไปเป็นนายประกันให้กับผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 สะท้อนให้เห็นความมุ่งหมายในการยกเลิกมาตรา 112 อันเป็นการลดการคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์” คำวินิจฉัยตอนหนึ่ง …*…

ฉะนั้น อย่าได้ร้องแรกแหกกระเชอไปเลย ...*...

ที่มา:ศรพระราม (22/03/67)