เมื่อวันที่ 23 มี.ค.67 เวลาประมาณ 15.00 น. นายอาทิตย์ มานัสสา ได้รับมอบอำนาจจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางมา สภ.ดอกคำใต้ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายสนธิญา สวัสดี และบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือมีส่วนร่วมในข้อหาความผิดฐาน หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและ/หรือความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และความผิดอาญาอื่นๆ ที่สอบสวนพบ 

โดยเมื่อวันที่ 22 มี.ค.นายสนธิญา ได้ให้สัมภาษณ์ ต่อหน้าสื่อมวลชนหลายสำนัก และได้มีการนำเสนอข่าวดังกล่าวผ่านทางสื่อออนไลน์ต่างๆให้สาธาณชนทั่วไปรับทราบว่า นายสนธิญา ได้ยื่นหนังสือถึงประธานวุฒิสภาให้พิจารณาวินิจฉัยในการเปิดอภิปราย เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินของ รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ ใน 6 ประเด็น ปรากฎตามสื่อและเอกสาร ที่นำมาแสดงต่อหน้าสื่อโดยไม่มีข้อเท็จจริงและ พยานหลักฐาน ยืนยันการ กระทำความผิดตามที่กล่าวอ้าง ทั้ง 6 ประเด็นแต่ประการใด เป็นเพียงการกล่าวอ้างขึ้นมาลอย ๆ เพื่อใส่ความให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชังต่อหน้าสื่อมวลชนและสาธารณะชนที่ได้รับรู้รับทราบ

อีกทั้ง การเปิดอภิปรายทั่วไปเป็นสิทธิของสมาชิกวุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 ซึ่งจะต้องอาศัยข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานมาประกอบการอภิปรายโดยที่ประชุมวุฒิสภาหรือที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภามีเอกสิทธิ์คุ้มกันสมาชิกผู้ใดจะกล่าวอ้างถ้อยคำใดในการแถลงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็น หรืออกเสียงลงคะแนนย่อมเป็นเอกสิทธิ์โดยเด็ดขาดผู้ใดจะนำมาเป็นเหตุฟ้องร้องกล่าวหาสมาชิกผู้นั้นทางใดๆไม่ได้ ตามมาตรา 124 การที่นายสนธิญา ทำหนังสือระบบข้อความดังกล่าว โดยมีข้อความเปิดเผยถึงประธานวุฒิสภา ให้มีการเปิดอภิปราย ทั่วไปต่อรัฐมนตรีว่ากระทรวงเกษตรและสทกรณ์จึงเป็นการใส่ความให้ได้รับความเสียทายเสื่อมเสียชื่อเสีย 

“การกระทำของนายสนธิญา สวัสดี ที่ใส่ความร้อยเอกธรรมนัส ต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้น เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง โดยป่าวประกาศหรือประจานออกไป ซึ่งบุคคลโดยทั่วไปสามารถได้เห็น ได้ยินข้อความ ดังกล่าวได้ร้อยเอกธรรมนัส จึงมอบอำนาจให้ นายอาทิตย์ มานัสสา มาพบ พงส.ฯ ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายสนธิญา สวัสดี ในข้อหาความผิดดังกล่าวแล้วข้างต้นจนกว่าคดีจะถึงที่สุด และแจ้งประสงค์จะดำเนินการฟ้องร้องเรียกร้องค่าเสียหายต่อชื่อเสียงเป็นจำนวนเงิน 100,000,000 บาท"