รรท.ผบ.ตร. รุดเยี่ยม ตร.หญิง หลังเกิดอุบัติเหตุจากการฝึก กองร้อยน้ำหวาน สั่งเร่งตรวจสอบทุกขั้นตอน ส่วนน้อง ยังอยากเป็นตำรวจ 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร รักษาราชการแทน ผบ.ตร. เปิดเผยว่า เรื่องของหลักสูตรอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าน้องเริ่มสมัครเป็นตำรวจในหลักสูตรใด ระยะเวลาเท่าไร และล่าสุดฝึกหลักสูตรอะไร แต่ทราบเพียงว่าเป็นการฝึกกองร้อยน้ำหวาน โดยตำรวจตระเวนชายแดนเป็นผู้อำนวยการฝึก 

ส่วนระหว่างการฝึกในหลักสูตรมีแนวทางการฝึกอย่างไร เนื่องจากว่าเจ้าตัวมีการโพสต์ถึงหลักสูตรในการฝึกที่ถูกกระทำ (ก็คือเตะเข้าที่หัวจนสมองบวมเลือดออกในสมอง) ยืนยันว่าไม่ได้มีหลักสูตรเช่นนี้ และได้พูดคุยกับแม่ของตำรวจหญิงแล้วพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุจริงในระหว่างที่ฝึก จู่ ๆหัวไปโดนเท้าของเพื่อน

ส่วนก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าน้องพยายาม บอกเล่าเรื่องราวให้สังคมรับทราบว่าถูกกระทำ แล้วถูกกีดกันจากผู้บังคับบัญชา ไม่ให้เผยแพร่เรื่องราว นั้น เรื่องดังกล่าวตนเองยังไม่ได้รับทราบ และจะต้องมีการสั่งตรวจสอบ โดยเฉพาะประเด็นใดที่ผู้บังคับบัญชาใช้คำพูดลักษณะไม่เหมาะสมกับผู้ใต้บังคับบัญชา และอะไรที่ไม่ถูกต้องจากผู้บังคับบัญชา จะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย 

ส่วน บช.น. มีกองบังคับการศูนย์ฝึกอบรม แต่ต้องมีการส่งไปฝึกที่อื่นในลักษณะนี้ด้วยหรือไม่ ต้องขอตรวจสอบก่อนว่าหลักปฏิบัติเหมาะสมหรือไม่ หากมีอะไรไม่เหมาะสมจะมีการแก้ไขในอนาคต

ส่วนผู้บังคับบัญชาในการฝึกในห้วงเวลานั้น ขณะนี้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่เรื่องที่เกิดมาตั้งแต่ 66 เพิ่งมาเกิดเรื่องในตอนนี้นั้น ไม่อยากตอกย้ำในความรู้สึกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำอีก โดยมีการสัญญากับน้องตำรวจหญิงว่า หลังจากการรักษาตัว ขอให้ไปรายงานตัว ด้วยตัวเองกับ ผบ.ตร. และตนจะรอวันนั้น 

ส่วนอาการของน้องตำรวจหญิงเบื้องต้นทรงตัวดีสามารถสื่อสารได้ดี ยิ้มแย้มแจ่มใสในบางช่วง แต่เมื่อพูดถึงประเด็นให้ไปรายงานตัวตำรวจหญิงยิ้มรับ ซึ่งมั่นใจว่าจากการพูดคุยน้องยังคงอยากเป็นตำรวจอยู่ แต่ขณะนี้ รู้สึกเหนื่อยและเบื่อหน่าย แต่ก็ต้องประคับประคองกันไป ซึ่งตนทราบเรื่องจึงรีบเดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจน้อง 

ส่วนอาการซึมเศร้าเป็นก่อนหรือหลังการรับข้าราชการตำรวจ ผบ.ตร. ระบุว่า ต้องขอตรวจสอบก่อน แต่ตนเองได้พูดคุยกับน้องว่าอยากให้สู้และกลับมาเข้มแข็งด้วยตัวเอง โดยไม่พึ่งยารักษาซึ่งตัวน้องได้สัญญากับตนเองว่าจะดูแลตัวเอง จะดูแลแม่และจะดูแลยาย 

สุดท้ายอยากฝากสื่อมวลชนอย่านำข้อความภายในจดหมายไปเผยแพร่เพื่อตอกย้ำความรู้สึกของน้อง เพราะกังวลว่าความคิดน้องจะถอยหลังกลับ เพราะขณะนี้น้องกำลังใจกำลังดีขึ้นและกำลังเดินหน้าเพื่อรักษาตัวเอง