ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์  รรท.ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร.  ให้ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนจำนวนมาก โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผู้เดือดร้อนว่ามีแก๊งไฮบริดสแกมใช้เฟสบุ๊คปลอมเป็นหนุ่มนักธุรกิจ โสด หน้าตาดี  ทำธุรกิจอยู่ จว.ภูเก็ต และได้พูดคุยเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน จนกระทั่งผู้เสียหายหลงรัก จากนั้นคนร้ายได้เชิญชวนลงทุนเล่นหุ้นทองลอนดอน ผลตอบแทนดี ประมาณ 10 % ต่อวัน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปจำนวน 3 ครั้งสุดท้ายสูญเงินกว่า 1.7 ล้าน

เมื่อวันที่ 1 เม.ย.67 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.ฯ , พ.ต.อ.วิชิต  ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ, พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ ,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์  รอง ผกก.สส.1ฯ ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี สว.กก.สส.1ฯ พร้อมชุดปฎิบัติการที่ 4ได้ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.เสาวลักษณ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี อยู่หมู่ที่ 6 ต.ธาตุ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี  ที่ จ.241/2567 ลงวันที่ 27 มีนาคม 2567 จับกุมได้ที่ร้านสะดวกซื้อ สาขาสำโรงใต้ ซ.6 มหาวงษ์ ต.สําโรงกลาง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ 

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน“ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นๆ และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้เจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้หมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด”

พฤติการณ์ผู้เสียหายถูกผู้ใช้เฟสบุ๊คปลอมเป็นหนุ่มนักธุรกิจ โสด หน้าตาดี ทำธุรกิจอยู่ จว.ภูเก็ต และได้พูดคุยกันเรื่อยมา เป็นเวลาประมาณ 1 เดือน จนกระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อ หลงรัก ว่าบุคคลคนนี้มีตัวตนอยู่จริง จากนั้นคนร้ายได้เชิญชวนผู้เสียหายให้ลงทุนเล่นหุ้น ทองลอนดอน โดยอ้างว่าเมื่อลงทุนไปแล้วได้ผลตอบแทนดี ประมาณ 10% ต่อวัน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปจำนวน 3 ครั้งรวมเป็นเงินกว่า 1,700,000 บาท ซึ่งต่อมาผู้เสียหายทำทุกวิธีทางเพื่อกู้ยืมเงินเพิ่ม แต่ไม่สามารหาเงินมาให้กลุ่มคนร้ายได้จนกระทั่งมีสติและรู้ว่าตนเองถูกหลอก การที่ผู้เสียหายโอนเงินไปยังบัญชีผู้ต้องหา เมื่อเงินโอนเข้าบัญชีผู้ต้องหาดังกล่าวแล้ว จะโอนเงินออกไปยังบัญชีบุคคลอื่นโดยเร็วทุกรายการ อันเป็นพฤติการณ์ลักษณะบัญชีม้า ที่ใช้ในการรับเงินและโอนเงินออกของแก๊งค์มิจฉาชีพ ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้นเป็นลักษณะแผนประทุษกรรม Romance Scam หลอกให้ผู้เสียหายหลงรักและเชื่อใจ จากนั้นหลอกลวงให้ลงทุน เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายกว่า 1,700,000 บาท 

จากการซักถามผู้ต้องหาให้การว่า เมื่อปี พ.ศ. 2565 ผู้ต้องหาเคยไปทำงานเป็นพนักงานเว็ปไซต์พนันออนไลน์ในประเทศเพื่อนบ้าน และเมื่อปี พ.ศ.2566 เคยเปิดบัญชีให้เพื่อนเพื่อนำไปใช้รับเงินจากเว็ปพนันและได้รับเงินตอบแทนจำนวน 1,000 บาท ทั้งนี้ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางกรวย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช หรือผู้การจ๋อ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ไม่อยากให้ตกเป็นเหยื่อ จึงฝากข้อควรระวัง ไม่ควรรับแอดเพื่อนในสื่อสังคมออนไลน์ที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็นชาวต่างชาติ ที่ใช้ภาพหนุ่มสาวหน้าตาดี หากจะรับก็ขอให้ตรวจสอบข้อมูลในบัญชีให้ดี อาจตรวจสอบได้โดยขอนัดเจอตัวจริง หรือร้องขอให้เปิดกล้องวิดีโอคอล ให้เห็นหน้าเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับรูปในโปรไฟล์จริงๆ (หน้าตรงปก) และหากมีการชักชวนลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล โดยเฉพาะจากเพื่อนหรือพัฒนาจากเพื่อนเป็นคนรักในสื่อสังคมออนไลน์ ที่เราไม่เคยเจอตัวจริง ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นมิจฉาชีพ และควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของการลงทุนตามที่มีการกล่าวอ้างว่าเป็นจริงหรือไม่อย่างไร