นายกฯ ย้ำชัด กัญชา ให้นำไปใช้ทางการแพทย์เท่านั้น  สมศักดิ์ชี้ไร้กฎหมายรองรับปลดล็อกกัญชา ทำให้ไม่ครบถ้วนกระบวนความ ด้าน หมอชลน่าน ยันแค่มุมมอง หลังนายกฯ ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ จะให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ชี้อาจขัดต่อนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา 

    
 ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 2 เม.ย.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์หลังการประ ชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงกรณีให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวต่างประเทศถึงแนวคิดจะนำกัญชา กลับมาเข้าสู่บัญชียาเสพติด ว่า พูดชัดเจนแล้วว่านำกัญชามาใช้ทางการแพทย์ ส่วนจะนำไปดำเนินการอย่างอื่น ให้เป็นแนวทางเฉพาะการควบคุมการใช้เพื่อเกี่ยวกับทางการแพทย์เท่านั้น
    
 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่า กระท่อมกับกัญชามีความแตกต่างกัน กระท่อมมีกฎหมายรองรับ ส่วนกัญชายังไม่มีกฎหมายรองรับ ดังนั้นต้องปลดล็อกออกจากประมวลกฎ หมายยาเสพติด และเมื่อยังไม่มีกฎหมายรองรับ คงต้องไปยืมกฎหมายอื่น เช่น พืชสมุนไพรตัวอื่นมาประกาศใช้บังคับ ซึ่งมันไม่ครบถ้วนกระบวนความ
    
 ทางที่ดีที่สุด การจะปลดล็อกหรือไม่ปลดล็อก ต้องทำให้ครบ หากยังก้ำกึ่งแบบนี้ ก็ต้องมีกฎหมายว่า จะมีการบัญญัติอะไรอย่างไร เพราะถ้ามาพูดกันลอยๆ แบบนี้ มันเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะขำ ลองไปคิดดูขนาดกระท่อมตัวเล็กๆ ยังมีกฎหมายรองรับแล้ว ซึ่งมันคนละเรื่องเลยกับกัญชา
   
  ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ประเด็นนี้เป็นมุมมองของนายกฯ แต่นโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภาเกี่ยวกับกัญชา ก็พูดชัดเจน ว่ากัญชาถ้าจะเอามาใช้ก็ต้อง เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น ส่วนในมิติทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องก็ต้องเกี่ยวกับการแพทย์และสุขภาพ 
      
 หากจะปรับเปลี่ยนกัญชาให้เป็นยาเสพติด ก็ต้องมานั่งพิจารณากันว่า จะกำหนดอย่างไร เพราะหากจะดึงกลับมาเป็นยาเสพติดก็ต้องไปยกเลิกประกาศฉบับนี้ ที่ได้กำหนดประเภทและชนิดของยาเสพติดประเภทที่ 5 ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับนายกฯจะเอาอย่างไร
 
 นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ส่วนข้อเท็จจริงที่ 2 คือ กฎหมายกัญชากำลังอยู่ในขั้นตอนเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ออกมาเพื่อรองรับนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา เมื่อกัญชาไม่เป็นยาเสพติดก็ต้องมีกฎหมายมาควบคุม ต้องเป็นไปตามอนุสัญญาที่ว่าด้วยเรื่องยาเสพติดระหว่างประเทศ หากประเทศไหนไม่ประกาศให้เป็นยาเสพติด จะต้องมีกฎหมายมาควบคุมบังคับใช้ในลักษณะที่ต้องไม่น้อยกว่ายาเสพติด ซึ่งแนวทางนี้เรากำลังดำเนินการอยู่ เพื่อมีกฎหมายกัญชงและกัญชามาใช้บังคับในการควบคุมกัญชาที่นอกเหนือจากสารสกัด THC 0.2% โดยน้ำหนักต้องควบคุมไม่น้อยกว่ายาเสพติด กฎหมายที่ออก หากใครนำกัญชาไปใช้ที่ไม่เกี่ยวกับการแพทย์และสุขภาพหรือไปใช้ผิดประเภทก็ต้องควบคุม หากจะปลูกก็ต้องขออนุญาต และถ้าไม่ได้ใช้ในการแพทย์ถือว่านำไปใช้ผิดประเภท ที่เราเห็นนำไปใช้นันทนาการ สันทนาการ ก็ถือใช้ผิดประเภทด้วยเช่นกัน ทั้งนี้หากครม.พิจารณากฎหมายเรียบร้อยแล้ว และมีมติเห็นชอบกับหลักการที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ก็สามารถเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรได้ทันที