วันที่ 3 เม.ย.2567 ที่ บก.ตม.2 พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม.ได้เดินทางมาเป็นประธานการประชุม ติดตามความพร้อม การเปิด" แผนอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยด้านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ " หรือ "แผนน่านฟ้า/เทศกาล67" ตั่งแต่ 28 มี.ค.- 30 เม.ย.2567 ของ บก.ตม.2 ซึ่งคุมงาน ตม.สนามบิน 5 แห่ง คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่ โดยในการประชุมครั้งนี้ มีผู้บริหารการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ผู้แทนคณะกรรมกาดำเนินงานธุรกิจการบินกรุงเทพ หรือ AOC ร่วมรับฟังด้วย 

พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี บก.ตม.2  กล่าวว่า ได้มีมาตรการหลักตามแผน เพื่อรองรับการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวภายใต้หลักความมั่นคง ทั้งหมด 5 มาตรการ  เพื่อรองรับสถานการณ์ในช่วงเที่ยวบินหนาแน่น ได้แก่ 1. มาตรการด้านกำลังพล ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาการขาดแคลนกำลังพล โดยระดมกำลังพลของ ตม.สนามบิน และ พล.ต.ท.อิทธิพลฯ ได้สั่งสนับสนุนกำลังพลจากด่าน ตม.ต่างๆกว่า 100 นาย  มาทำหน้าที่ตรวจหนังสือเดินทางเข้าและออกที่สุวรรณภูมิและสนามบินหลักเช่น ภูเก็ต นอกจากนั้น ยังขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ในการงดขาดลาพักผ่อน เพื่อช่วยกันเร่งระบายการตรวจผู้โดยสารอย่างเต็มที่ 2. มาตรการการลดขั้นตอน โดยได้รับรายงานว่า ทาง บก.ตม.2 ได้ปรับลดขั้นตอนการปฏิบัติที่ไม่จำเป็น เช่น การงดสแกนใบหน้านิ้วมือคนไทย งดสแกนบัตรที่นั่ง งดการประทับตราคนต่างชาติที่ใช้เครื่อง Automatic Channel ขาออก และลดขั้นตอนของ จนท.บางส่วนออกไป ซึ่งสามารถลดเวลาจากการตรวจต่อคน 45 วินาที เหลือคนละ 20 วินาที

ส่วน 3. มาตรการด้านเทคโนโลยี โดยให้เจ้าหน้าที่วิชาการจากศูนย์เทคโนโลยี สตม. เข้าเวรเพื่อ monitor ระบบ ตม.ไม่ให้เกิดข้อขัดข้อง 4. มาตรการด้านความมั่นคง โดยมอบหมายงานสืบสวน บก.ตม.2 ประสานงานข่าวกับหน่วยงานความมั่นคง เพื่อป้องกันการแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวของกลุ่มเสี่ยงต่างๆ โดยเฉพาะ มิจฉาชีพ เช่น แก็งค์ลักทรัพย์ชาวเวียดนาม โคลัมเบียฯลฯ รวมถึงกลุ่มชาติขัดแย้งที่อาจเข้ามาก่อเหตุในช่วงดังกล่าว  5. มาตรการความร่วมมือกับหน่วยข้างเคียง โดยเฉพาะกลุ่มสายการบิน เพื่อแก้ปัญหาฉุกเฉินกรณีหากเกิดเครื่องบินขัดข้องออกเดินทางไม่ได้ โดยได้มีการกำหนดขั้นตอนการปฏิบัติไว้แล้ว ก่อนหน้านี้ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้โดยสารที่ต้องใช้ช่องทางเร่งด่วน หรือ priority ต่างๆ เช่น ผู้พิการ เด็กเล็ก เป็นต้น 

ทั้งนี้ พล.ต.ท.อิทธิพล. กล่าวว่า ตามนโยบายนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ได้ประกาศให้สนามบินไทยเป็น Aviation Hub หรือ ศูนย์กลางการบินของภูมิภาค และประกาศ free visa ให้กับประเทศต่างๆเช่น จีน อินเดีย เพื่อมุ่งหวังกระตุ้นการท่องเที่ยวในไทย โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ในเดือนเมษายนนี้ 

นอกจากนี้ได้กำชับทาง ตม.2 ให้ช่วยกันปฏิบัติตามแผนและมาตรการดังกล่าวทั้ง 5 มาตรการโดยเคร่งครัด และให้ ผบก.ตม.2 พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ช่วยกันควบคุมบริหารสถานการณ์โดยใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงเที่ยวบินหนาแน่น ซึ่งคาดว่า ในเดือน เมษายน ช่วงสงกรานต์จะมีผู้โดยสารระหว่างประเทศเข้าออกวันละราว 1.2 แสนคน โดยมีเที่ยวบินสูงสุดต่อชั่วโมงราว 25 เที่ยวบิน คิดเป็นการสะสมของผู้โดยสารต่อชั่วโมงราว 4,000-5,000 คน ต่อวัน 

พล.ต.ท.อิทธิพล. กล่าวแจงนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่กำหนดให้ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาถึงสนามบินต้องไม่รอคิวนาน โดยจากมาตรการทั้ง 5 มาตรการ ที่ ตม.2 เริ่มใช้มาตั้งแต่ 1 มี.ค.พบว่า สามารถเร่งระบายผู้โดยสารที่รอคิวในช่วงเที่ยวบินหนาแน่น โดยจับเวลาจากคนท้ายคิว เดินมาถึงหน้าช่องตรวจ ใช้เวลารอคิวเพียง 15 นาที ก็ได้รับการตรวจจากเจ้าหน้าที่ ตม.แล้ว ซึ่งมีเสียงตอบรับคนไทยและต่างชาติ ที่ดีขึ้น และหลังจากนี้ ตนจะไปตรวจความพร้อมที่ ด่าน ตม.สนามบินภูเก็ต รวมถึง ด่าน ตม.สระแก้ว และ อุบลราชธานีต่อไป 

ดังนั้นตนจึงขอให้ประชาชนมั่นใจในการทำงานของ ตม.ว่า มีความพร้อมที่จะเป็นประตูบ้านของประเทศรับนักท่องเที่ยวเข้ามาสร้างรายได้ให้กับบ้านเราในช่วงสงกรานต์อย่างเต็มที่ต่อไป