วันที่ 4 เมษายน 2567 พ.ต.อ.ทวี  สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีปิดโครงการฝึกอบรมเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการริบทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมี นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.พรพิทักษ์  รู้ยืนยง รอง ผบช.ภ.5 ช่วยราชการ บช.ปส. นางสาวสุภาภรณ์ นิปวณิชย์ อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานอัยการสูงสุด นายอุดมชัย โลหณุต ผอ.ปปส.กทม. 
นายไพศาล กันทะเตียน ผอ.สตส. สำนักงาน ป.ป.ส. และผู้เข้าร่วมอบรม ได้แก่ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นพนักงานสอบสวนหรือปฏิบัติงานด้านตรวจสอบทรัพย์สินจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เข้าร่วมกว่า 150 คน ณ ห้องประชุมสิริประภา โรงแรมกาลนาน ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท จังหวัดนนทบุรี

 

ทั้งนี้ รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีเป้าหมายลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติดและปัญหาที่เกี่ยวเนื่องให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ภายใน 1 ปี พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ ในฐานะเลขาธิการ ป.ป.ส. จึงมีข้อสั่งการให้บูรณาการร่วมกันกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินการปราบปราม ยึดและอายัดทรัพย์สินอย่างจริงจัง โดยการปราบปรามการค้ายาเสพติดทุกระดับ ขยายผลถึงรายใหญ่ ยึดทรัพย์ตัดวงจรการค้าให้สิ้นซาก และให้เดินหน้าติดอาวุธทางปัญญาแก่เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยฝึกอบรมการริบทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติดทั่วประเทศ จำนวน 10 แห่ง ตามสำนักงาน ปปส.ภาค ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี ชลบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น เชียงใหม่ พิษณุโลก เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี และสงขลา ระหว่างห้วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม 2567 รวมจำนวนผู้เข้าร่วมการอบรม 1,058 นาย ซึ่งพื้นที่กรุงเทพมหานครกำหนดจัดโครงการเป็นพื้นที่แรก โดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกรุงเทพมหานคร

โดย พ.ต.อ.ทวี  กล่าวว่า เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. เป็นกลไกสำคัญ และเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินแทนเลขาธิการ ป.ป.ส. ในการสืบสวนพฤติการณ์การกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดควบคู่ไปกับการยึดอายัดทรัพย์สิน ดังนั้น จึงเห็นความสำคัญในการฝึกอบรมบุคลากรที่เป็นพนักงานสอบสวนหรือปฏิบัติงานด้านตรวจสอบทรัพย์สิน ให้สามารถดำเนินการรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง พยานหลักฐานให้ครอบคลุมทุกด้าน และสิ่งสำคัญ คือ การเท่าทันต่อสถานการณ์ เนื่องจากรูปแบบการซื้อขาย หรือการหลบเลี่ยงเงินที่มาจากการกระทำผิดมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาตลอดเวลา เช่นในปัจจุบันมีการใช้สกุลเงินดิจิทัล การใช้บัญชีม้า ประกอบกับการบังคับใช้กฎหมายต้องมีการเชื่อมโยงกับกฎหมายอื่น เช่น กฎหมายฟอกเงิน กฎหมายระหว่างประเทศ การพัฒนาองค์ความรู้ให้เจ้าหน้าที่จึงเป็นเรื่องละเลยไม่ได้และจำเป็นต้องพัฒนาอยู่เสมอ

ซึ่ง พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า ต้องขอขอบคุณผู้บริหารสำนักงาน ป.ป.ส. กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และผู้เข้าร่วมอบรมทุกท่าน ที่เข้าร่วมเป็นเกียรติในโครงการฝึกอบรมในครั้งนี้ และหวังว่าผู้เข้ารับการอบรมทุกท่านจะได้รับความรู้และทักษะในการปฏิบัติงานด้านตรวจสอบทรัพย์สินในครั้งนี้ ไปปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป