วันที่ 4 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ AOC ร่วมประชุมและร่วมหารือมาตรการป้องกันภัยมิจฉาชีพออนไลน์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด และตัวแทนธนาคาร โดยมี นายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข ผู้แทนประธานสมาคมธนาคารไทยเข้าร่วมประชุมด้วย  ซึ่งภายหลังการประชุม นายพงษ์สิทธิ์ พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิรภพ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้นำเช็คเงินสด จำนวน 4 ใบ เป็นมูลค่าเกือบ 13 ล้านบาท มามอบคืนให้ผู้เสียหายแต่ละราย  

 


 
ทั้งนี้กลโกงของมิจฉาชีพยังคงสร้างสตอรี่เรื่องราวมาหวังตั้งใจหลอกผู้เสียหายต่อเนื่อง โดยหนึ่งในเคสที่น่าสนใจคือการปลอมเป็นกูรูผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุน ก่อนทำทีทักแชทหาคุณลุงวัย70 ปี ที่ต้องการลงทุน คอยให้คำปรึกษาแนะนำการลงทุน จนผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปให้เพื่อฝากลงทุน โดยผ่านบัญชีของบริษัทหนึ่งในนามนิติบุคคล (ซึ่งเป็นบัญชีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและทุกหน่วยในนาม AOC เฝ้าระวัง) สุดท้ายมารู้ตัวว่าถูกหลอก สูญเงินไปร่วม 10 ล้านบาท


 
อีกคดีเป็นเรื่องราวการข่มขู่ ให้ตื่นตระหนกกลัว ด้วยการโทรศัพท์หาผู้เสียหายอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทยระบุว่าผู้เสียหายมีชื่อเป็นบัญชีม้ารับเงินผิดกฎหมาย ก่อนโอนสายให้ชายที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจคุย ทั้งยังกำชับไม่ให้บอกเรื่องราวกับใคร พยายามให้อยู่คนเดียว ก่อนอ้างให้โอนเงินมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ เคสนี้สูญเงินไปกว่า 1.4 ล้านบาท 

ด้านนายพงษ์สิทธิ์ ผู้แทนประธานสมาคมธนาคารไทย ระบุว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีการทำงานประสานกับศูนย์ AOC ในความรับผิดชอบของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากข้อมูลที่แลกเปลี่ยนกันเสมอตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้มีการเฝ้าสังเกตบัญชีม้าต้องสงสัยอยู่แล้ว เมื่อพบว่ามียอดเงินโอนเข้ามาโดยผิดปกติ ทางธนาคารจึงอายัดบัญชีดังกล่าวทันที พร้อมทั้งประสานไปยังศูนย์ AOC ในความรับผิดชอบของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เพื่อรีบติดต่อผู้เสียหาย ซึ่งทำให้สามารถระงับ ยับยั้งก่อนที่ผู้เสียหายจะโอนเงินอย่างทันท่วงที โดยยอมรับว่าการหยุดบัญชีผิดกฎหมาย จนนำมาสู่การคืนเงินผู้เสียหายไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พวกเราจะยังคงทำงานกันอย่างต่อเนื่องและอาศัยความร่วมมือระหว่างกัน 


 
ทั้งนี้ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอฝากเตือนประชาชนว่าทางรัฐบาล, ศูนย์ AOC, ธนาคารทุกแห่งทั่วประเทศ, ป.ป.ง. และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการทำงาน ประสานข้อมูลร่วมกันอย่างเข้มงวดและจริงจังในการปราบอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ เพื่อบรรเทาความเสียหายให้กับประชาชนแต่สำคัญที่สุดคือการป้องกันตัวเอง ด้วยการไม่เชื่อ ไม่หลอก ไม่หลงกลหากมีเบอร์ไม่รู้จักโทรเข้ามา