วันที่ 6 เมษายน 2567 ที่ บก.สส.บช.น.พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.เอกศิษฐ์  วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 บก .สส.บช.น.  , พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกกฯ , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น.,  , ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว กก.4 บก .สส.บช.น. , ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.ฯ ,  ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว กก.1 บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว ฝอ บก.สส.บช.น.  , ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว.ฯ , ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ   อันชูฤทธิ์ รอง สว.ฯ , ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์  รอง สว.ฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมนายปิ๋ว แจ่มน้อย อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53/47 ซ.เทียนทะเล 28 ถ.บางขุนเทียน-ชายทะเล แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน จ.กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.1210/2567 ลงวันที่ 22 มี.ค. 67 โดยกล่าวหาว่า  “พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร , กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี , กระทำชำเราแก่เด็กอายุไม่เกิน 13 ปี และพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเพื่อการอนาจาร”โดยจับกุมตัวได้ที่ บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 810 หมู่บ้านการเคหะ ซ.นวมินทร์45 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

 พล.ต.ต.ธีรเดช  เล่าว่า กลางปี พ.ศ.2566 บุตรสาวคนสุดท้องของแม่เลี้ยงเดี่ยว พูดว่า “หนูอยากย้ายบ้าน” โดยมีใบหน้าและท่าทางที่สุดแสนจะเศร้าหมอง เธอเริ่มถามไถ่ “น้องเอ” (นามสมมุติ) บุตรสาวควัย 13 ปี ย้อนเรื่องราวกลับไปตั้งแต่ พ.ศ.2561 ขณะนั้นน้องเอ อายุ 8 ปี ผู้เป็นแม่ได้พบกับความรักครั้งใหม่และมักจะเดินทางไปมาหาสู่ที่บ้านของแฟนคนใหม่ย่านดินแดง กรุงเทพฯอยู่บ่อยครั้ง ทุกครั้งแม่ก็จะพาน้องเอไปอยู่ด้วย โดยภายในบ้านฝ่ายชายนั้นดูเหมือนจะไม่มีพิษภัยใด เพราะนอกจากตัวเขาแล้วก็มีเพียงผู้เฒ่าวัยชราอีก 2 คน ที่เป็นพ่อและแม่ของฝ่ายชายพักอาศัยอยู่ในบ้านด้วย    

ต่อมาช่วงปลายปี 2561 ขณะนั้นแม่และแฟนคนใหม่ได้ออกไปข้างนอก ภายในบ้านเหลือเพียงเธอกับผู้สูงอายุอีก 2 คน ที่ยังอยู่ในบ้าน ในวันนั้น “ป๋าตือ” ผู้เฒ่าวัย 70 ปี ได้ชักชวนเธอลงจากบ้านเพื่อไปซื้อขนม แต่เมื่อถึงบ้านชั้นล่างกลับลวงเธอเข้าไปในห้องครัวก่อนจะจับเธอถอดเสื้อผ้าแล้วลงมือข่มขืนเธอในห้องครัวอย่างรุนแรง  เธอเจ็บมากแต่ก็ไม่กล้าขัดขืนเพราะตาเฒ่าได้หยิบมีดในห้องครัวมาข่มขู่ว่าหากบอกใครจะถูกฆ่า   ซึ่งหลังจากวันนั้นบ้านพักที่ดินแดงนี้ก็เหมือนเป็นนรกสำหรับน้องเอ   น้องถูกคนร้ายนี้ข่มขืนซ้ำแล้วซ้ำเล่าเรื่อยมาเป็นเวลากว่า 5 ปี ตั้งแต่อายุ 8 ปี จนถึงปัจจุบันเธออายุ 13 ปี  ไม่กล้าบอกใครเพราะคำขู่ฆ่าเป็นภาพจำ

เรื่องราวที่แสนสะเทือนใจถ่ายทอดผ่านน้ำตาเด็กสาวกว่า 3 ชั่วโมง ผู้เป็นแม่ได้พาเธอเข้าแจ้งความดำเนินคดีก่อนจะหอบข้าวของทิ้งทุกสิ่งอย่างออกจากบ้านฝ่ายชายในทันที ซึ่งล่าสุดตาเฒ่าตัณหากลับรายนี้ถูกออกหมายจับแล้ว คือ นายปิ๋ว หรือตือ อายุ 70 ปี พ่อใหญ่แห่งตระกูลดัง และยังเป็นถึงเจ้าของคณะเชิดสิงโตย่านดินแดง แต่เจ้าตัวไหวตัวทันหลบหนีขนของออกจากบ้านพักแล้วหายเข้ากลีบเมฆไปในทันที อีกทั้งเจ้าตัวยังมีเส้นสายคอยส่งซิกให้ ทำให้เจ้าตัวแคล้วคลาดรอดตัวได้จนถึงปัจจุบัน

กระทั่งเรื่องถึง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดสืบนครบาลลงพื้นที่ไล่ล่าในทันที แต่งานนี้ไม่ง่ายเพราะคนร้ายรู้จักการต่อต้านการสืบสวนเป็นอย่างดี ทำเอาเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาเกือบ 2 สัปดาห์ จนกระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 5 เม.ย. 67 ขณะที่ชุดสืบสวนนั่งแวะพักเหนื่อยในตลาดแห่งหนึ่งย่านนวมินทร์ เสมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลใจ ขณะที่ชุดสืบสวนจะจ่ายค่าอาหารได้ทำเงินเหรียญร่วมไปบนพื้น และขณะก้มเก็บได้เห็นขาของวัยรุ่นคนหนึ่งสวมเกี๊ยว (อุปกรณ์กันกระแทกของคนเชิดสิงโต) สะกิดใจให้ชุดสืบสวนสะกดรอยไป นำมาสู่การพบและจับกุมตัวคนร้ายได้ในที่สุด
 
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายปิ๋ว ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเป็นคนกรุงเทพฯ โดยก่อนหลบหนีได้อาศัยอยู่ที่บ้านเช่าใกล้ศาลเจ้า ย่านดินแดง ซึ่งตนมีความคลุกคลีกับคณะแสดงเชิดสิงโตที่ศาลเจ้ามาตั้งแต่เด็ก จนช่วงอายุ 7 ขวบ ตนได้มีโอกาสได้เข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดเชิดสิงโตที่คณะสิงโตชื่อดังและได้พัฒนาฝีมือจนได้แสดงในงานเทศกาลและงานสำคัญต่างๆเรื่อยมา จนย่างเข้าอายุ 30 ปี ตนได้เปิดคณะเชิดสิงโตเป็นของตนเอง นับแต่ก่อตั้งคณะตนได้ส่งเสียดูแลเด็กๆและคนในคณะห้าสิบกว่าชีวิตจนกระทั่งลูกชายคนโตของตนได้รู้จักกับ น.ส.บี (นามสมมติ) ซึ่งเป็นนักแสดงในคณะ (มารดาของผู้เสียหาย) และตกลงใช้ชีวิตกันฉันสามีภรรยาโดยที่ น.ส.บี ได้พา ด.ญ.เอ (นามสมติ) ซึ่งเป็นลูกสาว (ผู้เสียหาย) มาอาศัย ที่บ้านเช่าย่านดินแดงซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ฝึกงานแสดงของคณะและใช้เป็นบ้านพักอาศัยของคนในครอบครัวของตน ทำให้ตนได้รู้จักกับ ด.ญ.เอ จนกระทั่งเกิดเรื่องที่ตนถูกกล่าวหาว่า ข่มขืนกระทำชำเรา ด.ญ.เอ ตนได้ทราบจากคนรู้จักว่าถูกออกหมายจับคดีอนาจารเด็ก ทำให้ตนจำเป็นต้องหนีเนื่องจากกลัวความผิด และได้ย้ายไปอยู่อาศัยกับคนรู้จักที่อยู่ในแวดวงคณะเชิดสิงโตเรื่อยมา

ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2567 ตนได้ย้ายมาอยู่อาศัยกับคนรู้จักที่เป็นเจ้าของคณะเชิดสิงโตย่านลาดพร้าว ซึ่งตนได้พักอาศัยที่บ้านของคนรู้จักเป็นระยะเวลา 4 วัน ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ในวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2567 เรื่องทางคดีตนเองถูกแบล็คเมล เพราะแม่ของเด็กนั้นร้ายกาจ ชอบให้ลูกของตัวเองไปอยู่ใกล้ผู้ชายแล้วไปเรียกเงินจากเขา ส่วนที่ตนเองหนีนั้นเพราะทราบว่าตนเองถูกแจ้งความและถูกออกหมายจับ ตนก็เลยหนีมาแอบที่เซฟลับที่ไม่มีใครรู้แม้กระทั่งญาติสนิทของตนเอง โดยจะตั้งหลักเพื่อรอเคลียกับทางฝ่ายเด็กผู้หญิงให้ถอนแจ้งความ”หลังจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย

พล.ต.ต.ธีรเดช  กล่าวว่า “เราไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของคนร้าย ถึงแม้คนร้ายเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือในวงคณะเชิดสิงโต ไม่มีเหตุผลใดที่เด็กสาวผู้เสียหายจะต้องโกหกอีกทั้งมีพยานหลักฐานอื่นๆยืนยันถึงการกระทำผิดของคนร้าย จึงนับว่าน่าหดหู่ใจอย่างยิ่งที่สถานที่ปลอดภัยที่สุดของเด็กๆ กลับกลายเป็น “นรกบนดิน” ที่สร้างสมฟูมฟักบาดแผลหยั่งลึกลงในใจของเด็กน้อยไปนานแสนนาน ผมขออวยพรให้น้องผู้เสียหายมีกำลังใจที่เข้มแข็งผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายในอดีต   และขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ให้สอดส่องพฤติกรรมของบุตรหลานท่าน อย่าได้นิ่งดูดายเพราะพวกเขาอาจจะประสบอยู่กับเรื่องเลวร้ายเช่นนี้อยู่ก็เป็นได้ และหากทราบเบาะแสโปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท. ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”