โฆษกฯ เผย รัฐบาลประสบความสำเร็จ ขับคลื่อนการส่งออกอัญมณี-เครื่องประดับ เติบโตต่อเนื่อง หลังเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว และความเชื่อมั่นต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่มาถูกทาง เห็นผลเป็นรูปธรรม

วันที่ 8 เม.ย.67 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยข้อมูลจากสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT ว่า ช่วง 2 เดือนแรกปี 2567 (มกราคม – กุมภาพันธ์) ที่ผ่านมา สถานการณ์การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย (ไม่รวมทองคำ) มีมูลค่า 1,822.18 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.78 ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และหากรวมทองคำ จะมีมูลค่าถึง 3,031.76 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 57.13 แสดงถึงแนวโน้มเชิงบวกที่ดีต่อการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยที่เป็นสินค้าส่งออกในอันดับที่ 2 ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย หลังเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว และถือเป็นความเชื่อมั่นต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากข้อมูลสินค้าประเภทอัญมณีและเครื่องประดับไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในตลาดส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ อินเดีย เพิ่มร้อยละ 84.95 เบลเยียม เพิ่มร้อยละ 70.30 ฮ่องกง เพิ่มร้อยละ 34.90 กาตาร์ เพิ่มร้อยละ 27.41 เยอรมนี เพิ่มร้อยละ 15.85 ญี่ปุ่น เพิ่มร้อยละ 15.27 สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.46 และสหราชอาณาจักร เพิ่มร้อยละ 2.76 โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทย ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น เครื่องประดับทอง เพิ่มร้อยละ 12.77 เครื่องประดับเงิน เพิ่มร้อยละ 30.29 พลอยเนื้อแข็งเจียระไน เพิ่มร้อยละ 14.78 พลอยเนื้ออ่อนเจียระไน เพิ่มร้อยละ 37.63 เพชรก้อน เพิ่มร้อยละ 4.76 เพชรเจียระไน เพิ่มร้อยละ 7.24 เครื่องประดับเทียม เพิ่มร้อยละ 13.47 ของทำด้วยไข่มุกและรัตนชาติ เพิ่มร้อยละ 34.81 และทองคำ เพิ่มร้อยละ 255.46 ซึ่งเป็นการส่งออกไปเก็งกำไร จากราคาตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทองคำและเครื่องประดับทองเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้น 

“นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ความสำคัญกับการส่งออกสินค้าไทย ซึ่งการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยนับได้ว่าเป็นสินค้าที่มีศักยภาพ มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นผลจากการดำเนินนโยบายอย่างถูกทาง และความพร้อมของตลาดที่มีการฟื้นตัว โดยรัฐบาลไทยพร้อมผลักดันการส่งออกสินค้าไทยให้แพร่หลายในตลาดโลก เพื่อสร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการให้มีเงินหมุนเวียนขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจน เพิ่มโอกาส ขยายช่องทางตลาด ยกระดับมาตรฐาน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน” นายชัย กล่าว