วันที่ 8 เม.ย.2567 นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ Facebook Chao Meekhuad เรื่อง ให้ไว ขับผมออกจากพรรคประชาธิปัตย์เลยครับ มีเนื้อหาระบุว่า " ก่อนอื่นต้องขอบคุณนายธนา ชีรวินิจ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาแจกแจงรายละเอียดว่าหัวห้าพรรคดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง หลังรั้งตำแหน่งสูงสุดในการบริหารองค์กรมานานเกือบสี่เดือนแล้ว ผลงานสามเดือนแรกที่บอกจะเห็นเป็นรูปธรรมที่ผมทาวงถามไปคือ การรุกด้านโซเชียล ท่านอธิบายสรุปได้ว่า มีการริเริ่มตั้งศูนย์ยุทธศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการสื่อสาร (DeSTIC) เพิ่มช่องทางการติดต่อแบบออนไลน์ระหว่างสมาชิก หรือบุคคลทั่วไปกับพรรค ด้วยแอพลิเคชั่น LINE Official ให้เป็น On Stop Services แล้ว ยังมีการปรับปรุงเว็บไซต์ของพรรค เพิ่มเนื้อหาข้อมูลประวัติศาสตร์ของพรรค ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีครับ

แต่ผมถามต่อว่าแล้วมันเห็นผลหรือไม่ในเชิงสาธารณะที่จะรับรู้ได้ว่าพรรคมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างที่ท่านว่า ตรงกันข้ามให้ท่านไปสอบถามคนที่รักพรรค เคยรักพรรค เลิกรักแล้วดูเถิดว่า เขาเห็นเป็นอยย่างไร แล้วท่านจะได้รับคำตอบที่แท้จริง ไม่ใช่คำตอบแบบเออเอง อวยเอง ผมเป็นสมาชิกพรรรคประชาธิปัตย์มาหลายสิบปี ในฐานะสมาชิกมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์การบริหารพรรค เพราะมันเจ็บปวดกับความถดถอยที่เกิดขึ้น

แปลกใจว่าทำไมการที่วิพากษ์วิจารณ์ตัวหัวหน้าพรรค มันถึงขั้นที่จะต้องขับออกจากสมาชิกพรรค ซึ่งถ้าดูตามข้อบังคับพรรคแล้วไม่เห็นผิดตรงไหน ผมไม่ได้มีพฤติกรรมที่จะให้ร้ายพรรค แต่มีเจตนาดีที่อยากเห็นทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์มีการพัฒนาก้าวหน้าไม่ใช่อยู่เพื่อหวังร่วมรัฐบาลหรือรวมกันเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม มองคนเห็นต่างเป็นศัตรูไปเสียหมด

หัวหน้าพรรคบอกแบบนักเลงว่าอย่าด่าพรรค มีอะไรให้วิจารณ์ไปที่ผู้บริหาร เพราะพรรคไม่ได้ทำผิด ผมก็ทำตามที่ท่านว่า เนื่องจากเห็นด้วยว่าพรรคไม่ได้ทำอะไรผิด คนบริหารต่างหากที่ต้องพร้อมรับฟัง ปรับแก้ จึงจะพัฒนาได้ แต่ถ้าโลกแคบใจดับ สมองฝ่อ ก็ยากเกินที่จะเยียวยา ผมยืนยันว่าผมไม่ได้มีพฤติกรรมทำลายหรือให้ร้ายพรรค และขอท้าไปยังนายเฉลิมชัยถ้าจะขับก็รีบรีบทำเอาให้ไวเลยครับ แล้วไปเจอกันที่ศาล อย่าปล่อยให้ลูกหาบอย่างนายธนา ออกมาปล่อยไก่ อ้างว่าเป็นผู้แต่งตั้งผมเป็นรองโฆษกพรรค ทั้งที่ตำแหน่งนี้หัวหน้าอภิสิทธิ์ เป็นผู้เล็งเห็นถึงความสามารถมอบหมายให้ผมทำหน้าที่นี้

ที่ผ่านมา ทำหน้าที่รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์อย่างตรงไปตรงมา สิ่งไหนถูกก็ชื่นชมสนับสนุน แต่ไม่ยอมก้มหัวให้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง  เชื่อว่าสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนมองออกว่าตนเป็นคนอย่างไร ไม่เคยใช้ตำแหน่งนี้ไปหากินอย่างที่นายธนากล่าวอ้าง  เพราะรายได้ของตนล้วนมาจากการทำมาหากินสุจริต จากการว่าความ ซึ่งไม่มีเรื่องตีนไก่เถื่อนเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน เพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ขอท้าวความให้ว่าตำแหน่งรองโฆษกพรรคฯ ของผมมีที่มาอย่างไร ความจริงคือ ในยุคอดีตหัวหน้าอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อปี 2561 ผมแจ้งความจำนงจะลงสมัครสส.ในเขตห้วยขวาง ส่วนนายธนาได้แจ้งความจำนงที่จะลงสมัครส.ส. ในเขตดินแดง แต่เมื่อ กกต. ได้รวมเขตดินแดงกับเขตห้วยขวางเป็น เขตเดียวกัน จึงมีปัญหาเรื่องพื้นที่ซับซ้อน ในที่สุดผมกับนายธนาธนาได้เข้าพบหัวหน้าอภิสิทธิ์ เพื่อให้ช่วยไกล่เกลี่ย หัวหน้าอภิสิทธิ์จึงได้เสนอให้ผมเป็นรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่นายธนา 

นายธนาจึงไม่ควรตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ตีอกชกหัวแสดงความเสียใจว่าเป็นผู้แต่งตั้งผม เพราะมันไม่จริง  ผมต่างหากที่ควรจะเสียใจที่สนับสนุนนายธนาให้ลงสมัครสส. ในเขตห้วยขวาง ให้คำมั่นสัญญาว่านายธนาจะไม่ทิ้งชาวห้วยขวาง แต่นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้คนห้วยขวางไม่เคยเห็น นายธนาทำกิจกรรมในพื้นที่ แม้แต่ครั้งเดียว เรียกว่าเป็นกรรมของผมที่ได้พบกับนายธนา ช่วยเหลือสนับสนุนอย่างเต็มที่ ถึงขั้นเจ้าตัวออกปากเป็นบุญที่ได้เจอกับทนายเชาว์ เรียกว่า เป็นกรรมของผมเป็นบุญของเขา พิสูจน์ ถ้อยคำของนายธนาและผมได้จากคลิปภาพ ช่วงที่ลงพื้นที่หาเสียงเมื่อปี 2562 (ใต้คอมเม้นครับ) ย้ำอีกทีจะขับผมออกจากพรรค ทำให้ไวอย่าให้รอนานครับ แล้วเจอกันที่ศาล"