คอลัมน์ สัมภาษณ์พิเศษ “ผมโชคดีที่ได้เรียนรู้จากพระองค์ท่านโดยตรง ทุกสิ่งที่พระองค์ถ่ายทอด และทรงสอน พระองค์ทรงศึกษาค้นคว้าจนถ่องแท้ และล้วนเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมทั้งสิ้น ผมพยายามถ่ายทอดสิ่งล้ำค่าเหล่านั้นสุดความสามารถที่จะทำได้เท่าที่ร่างกายจะไหว” “ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล” “ทรงเป็นครูของผมในทุกด้าน ผมโชคดีที่ได้เรียนรู้จากพระองค์ท่าน” หมายเหตุ : “สุเมธ ตันติเวชกุล” เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา และข้าราชบริพารที่รับใช้เบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างใกล้ชิด ให้สัมภาษณ์พิเศษ “สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์” ถึงความประทับใจ หลักคิดในการทำงาน แนวทางในการดำเนินชีวิตที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ถือเป็น “สิ่งล้ำค่า” อย่างหาที่สุดมิได้ - ตลอดระยะเวลาเกือบ 1 เดือน เมื่อ “ในหลวง” เสด็จสวรรคต ดร.สุเมธ เองได้มองเห็นภาพสะท้อนอะไรบ้างที่เกิดขึ้นจากการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ของคนไทยครั้งนี้ สำหรับผมเองพระองค์ยังอยู่ใกล้เราตลอดเวลา เพราะงานทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม นอกจากความสัมพันธ์เรากับพระองค์ท่าน และความรู้สึกแล้ว เราจะสัมพันธ์โดยความรับผิดชอบ จะให้พระองค์ทรงงานเหนื่อยเพียงผู้เดียวแล้วเราไม่ทำอะไรเลยหรือ นอกจากการถวายความจงรักภักดีอย่างแท้จริงแล้ว ก็คืองาน เพราะเชื่อว่าพระองค์ปรารถนาในส่วนนี้มากที่สุด ทรงรับสั่งครั้งแล้วครั้งเล่า ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำไป ส่วนผมเองมีหน้าที่ต่อพระองค์ท่านโดยตรง และหน้าที่นั้นไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เป็นหน้าที่ ที่เกี่ยวกับประเทศชาติ และประชาชน พระองค์ท่านจะอยู่หรือไม่อยู่ผมก็ยังจะคงทำต่อไปจนถึงที่สุด - วันนี้ อยากจะบอกอะไรกับประชาชนในสังคม หรือให้ข้อคิดอะไรเพื่อเป็นการให้กำลังใจ ให้สติ และแนวคิด ศึกษาอะไรตามพระองค์ท่านแล้วก็นำไปใช้ ซึ่งพระองค์ท่านได้สอนทุกอย่างเลย ทั้งเรื่องจิตวิญญาณ คุณธรรม การเป็นคนดี และรักษาธรรมะ เรื่องธรรมะต้องเป็นความดีและถูกต้อง พระองค์ท่านสอนวิธีการบริหาร การให้บริการต่อประชาชน ปรัชญาความคิด เศรษฐศาสตร์ เศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น เราต้องศึกษาตามพระองค์ด้วยความเข้าใจในสิ่งที่พระองค์สอนและเมื่อเข้าใจแล้วก็เข้าถึงการปฏิบัติ ถ้าทำได้อย่างที่กล่าวมานั้นก็จะเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน - จากการได้มีโอกาสรับใช้พระองค์อย่างใกล้ชิด ขอความกรุณาช่วยถ่ายทอดแนวคิด แนวทางในการทรงงานของพระองค์ได้หรือไม่ ด้วยพระองค์ทรงใช้เวลาตลอดการครองราชย์ 70ปี ไปกับการทรงงานแทบทั้งสิ้น ทุกคนก็เห็นว่ามีการถ่ายทอดผ่านสื่อต่างๆทุกวัน เราก็อย่าดูแค่ภาพเฉยๆ เราต้องดูว่าพระองค์ทรงสอนอะไร แต่เรากลับดูเป็นเพียงภาพยนตร์เฉยๆพอดูเสร็จภาพยนตร์จบก็เดินออกจากโรงหนังอย่างนั้นไม่ใช่เลย พระองค์สอนเป็นบทเรียน เราก็นำบทเรียนไปใช้ให้ถูกทางและชีวิตประจำวัน ผมว่าพระองค์สอนทุกรูปแบบ และมีพระราชดำรัส พระราชกระแสที่ถูกบันทึกไว้ พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือให้เราได้อ่าน แต่ละเรื่องมีคำสอนแตกต่างกันไป เช่น พระมหาชนก ที่สอนเรื่องความเพียร หรือการทำแบบปิดทองหลังพระ ทำแบบไม่หวังรางวัลตอบแทน ความสามัคคีธรรม เอกภาพของประเทศ ไม่ใช่ทะเลาะกันแตกเป็นเสี่ยงๆแบบทุกวันนี้ ถ้าเป็นแบบนี้ประเทศไหนก็ไม่มีทางรอดได้ ดังนั้นทำอย่างไรจะอยู่รอดโดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวกับปัจจัยชีวิตเรา เช่น ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งโครงการเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วไป จึงขอให้ประชาชนอยู่ใกล้ที่ไหนก็ให้ไปดูที่ไหน ดูแล้วไม่ใช่ให้ดูเฉยๆให้นำกลับมาปฏิบัติด้วย พระองค์สอนมาตั้ง 70 ปีแล้ว เรายังไม่บรรลุ เห็นดวงตาแต่ไม่เห็นทำ สิ่งที่พระองค์สอนนั้นเป็นการให้ช่วยเหลือตัวเองในลำดับแรก - สิ่งที่พระองค์ยังมีความห่วงใย ต่อบ้านเมือง ในช่วงก่อนที่จะทรงประชวร และประทับที่โรงพยาบาลศิริราช ในระยะหลัง คือเรื่องอะไร ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังการประชวร พระองค์ก็เป็นห่วงชีวิตของพวกเราทั้งนั้น ซึ่งพวกเรารักสนุก โดยไม่ห่วงชีวิตตัวเอง ทั้งทำลายป่าไม้ ทิ้งขยะ ถ่ายเทน้ำเสียลงสู่แม่น้ำ สิ่งเหล่านั้นเป็นการทำลายชีวิตตัวเองทั้งนั้น พระองค์ก็ตามไปสอน และบำบัด ทั้งทดลองทดสอบ และประดิษฐ์สารพัดอย่าง พวกเราก็ยังมองไม่เห็นก็ยังทิ้งและทำลายชีวิตตัวเองต่อไปพระองค์ทำไปไม่ใช่เป็นการเสียสละ แต่เพราะพวกเราทั้งนั้น ถ้าเราทำตามนั้นมลพิษก็จะไม่มี โลกต้องมีชีวิตต่อไปบนแผ่นดินนี้ ฉะนั้นผมมองว่าเรื่องนี้สำคัญ อย่าไปนึกว่าจะต้องเสียสละนั้นแสดงว่ายังไม่บรรลุ ผมมองว่าชอบเห็นแต่ไม่ชอบดู ชอบได้ยินแต่ไม่เคยฟัง ถ้ายังเป็นเช่นนี้เราต้องพบกับภัยพิบัติแน่อย่างไรแล้วขอให้ทำตามที่พระองค์ตรัสไว้ เพราะพระองค์ได้ศึกษามาแล้ว ไม่อย่างนั้นเราคงต้องทุกข์ร้อนกันต่อไป เช่น ภัยพิบัติน้ำท่วมเมื่อพ.ศ.2554 และมีผู้ไปค้นพบว่าพระองค์ทรงค้นพบวิธีแต่ก็ไม่มีใครทำตามเลย - วันนี้งานในส่วนของมูลนิธิชัยพัฒนา ยังคงเดินหน้าช่วยเหลือประชาชนต่อไป ทั้งนี้หลายคนอาจอยากทราบถึงเรื่องราวในมูลนิธิฯว่าจากนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง งานของมูลนิธิชัยพัฒนาเกี่ยวกับบ้านเมือง เกี่ยวกับทรัพยากร และปัญหาประชาชน พระองค์ทรงจดมูลนิธิชัยพัฒนาเป็นองค์กรไม่ใช่ทำตามอำเภอใจ แล้วพระองค์ไม่อยู่ก็จะหยุดไป อย่างนั้นไม่ใช่ แต่ตามหลักแล้วเมื่อมีภัยพิบัติน้ำท่วม มูลนิธิเราไม่ออกแสดงตัว แต่จะเป็นมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ลงไปช่วยเหลือ แต่พอน้ำลดแล้วมูลนิธิเราจะเข้าไปฟื้นฟู พัฒนาให้มีชีวิตกลับมา ฉะนั้นกฎเกณฑ์ ฟันเฟืองการทำงานถูกกำหนดไว้แล้ว และตราบใดที่ปัญหายังมีอยู่งานก็ยังจะต้องทำต่อไป ผมอายุ 77 ปียังนั่งทำงาน พระองค์พระชนมพรรษา 89 พรรษา มีแรงก็ยังทำอยู่ ถ้าคิดกันอย่างนี้ได้ช่วยกันคนละไม้ละมือ ประเทศก็เบา แต่นี่ไม่ช่วยแล้วยังสร้างปัญหา ผมในฐานะคนทำงานคนหนึ่งในหน่วยงานของพระองค์ท่าน ที่พระองค์ทรงตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือประชาชน ผมจะตั้งใจดำเนินการต่อไปในทุกด้านที่พระองค์ได้วางไว้ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและประเทศนี้ - วันนี้น่าปลื้มใจหรือไม่ที่มีประชาชนคนไทยจำนวนไม่น้อย ขอเดินตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวง เมื่อทำในสิ่งที่ถูกต้อง และผลเกิดขึ้นตามที่พระองค์หวังไว้ ประโยชน์อันสูงสุด อะไรที่ถูกต้องเราก็ควรจะดีใจด้วย อะไรไม่ดีเราก็ต้องเสียใจ ง่ายๆใครทำดีทำถูกต้อง นำหลักที่ศาสดาทั้งหลายสอนไว้นำมาใช้เป็นธรรมะ แล้วเกิดประโยชน์ส่วนร่วมเราก็ดีไปด้วย ทะเลาะกันแต่ละครั้งเดือดร้อนกันถ้วนหน้า แต่ถ้ามีคนทำดีก็จะดีกันถ้วนหน้า เหมือนดังเช่น ไม่ว่าจะไปปลูกต้นไม้ที่ไหนผลที่ได้ก็ได้ผลประโยชน์ส่วนร่วม ฉันใดฉันนั้น ฉะนั้นให้ช่วยกันทำคนละไม้คนละมือ บ้านเมืองเป็นของเราไม่ได้รับเช่าใครเขามา ถ้าเราไม่รักษาก็รับกรรมกันเอง เราควรนึกได้ว่าเมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตไม่ได้อยู่ชั่วอายุเรา จากนั้นยุคเราก็ต้องส่งต่อไปให้คนยุคหน้า เป็นมนุษย์อะไรจะยอมส่งของเลวๆให้ลูก - หลักในการทำงานที่ในหลวงทรงสอน และส่วนตัวยึดถือมาตลอดมีอะไรบ้าง พระองค์ทรงสอนไว้เยอะ สอนให้นึกถึงคนอื่น ความระมัดระวังในการทำงาน ให้รู้จักภูมิสังคม ให้เคารพภูมิประเทศ และเคารพคนในแต่ละภูมิภาค เพราะการคิดไม่เหมือนกันเราจะเอาความคิดไปครอบเขาไม่ได้ สอนให้ยึดธรรมะ อย่าทุจริต พระองค์ทรงเน้นแล้วเน้นอีกว่าอย่าทุจริต ใครทุจริตแม้นิดเดียวขอให้มีอันเป็นไป สอนวิธีการบริหารจุดเดียวเพื่อความสะดวกของประชาชน เช่นหน่วยราชการแยกกันอยู่แยกกันทำ ประชาชนจึงไม่ได้รับคามสะดวก และทรงสอนให้เรารู้จักหาความสุข ซึ่งคนเรามองว่าการหาความสุข ส่วนใหญ่เป็นความสนุกมากกว่า เช่น มีเงินเยอะๆ มีรถยนต์ป้ายแดงขับ มีของแพงๆใช้ นั้นเป็นความสนุกไม่ใช่ความสุขหรือทุกข์ คนเรามั่วไปหมกมุ่นอยู่กับของสมมุติจนลืมนึกถึงแก่นแท้ของชีวิต พระองค์ยังทรงสอนให้เราอย่าติดแต่เปลือกให้เข้าไปถึงแก่น พระองค์ทรงทำให้เห็น เรื่องเล่าเมื่อปี 2524 ผมเริ่มงานใหม่ถวายงานพระองค์ ตอนนั้นทรงใช้นาฬิกาเรือนละ 750 บาท ในขณะที่เราขยขวายอยากใช้ของแพงๆ แต่พระองค์ยังใช้เมดอินไทยแลนด์ เป็นต้น ผมมองแล้วเป็นวิถีที่เรียบง่าย เป็นการทำงานด้วยใจ ฉะนั้นพระองค์ท่านทำด้วยพระหฤทัย ผมยังพยายามตามและเลียนแบบพระองค์ แต่เรื่องแบบนี้ต้องฝึกฝน พระองค์ทรงมีหลักการที่ว่าให้นึกถึงคนอื่นก่อน คำสอนนี้ได้มาตั้งแต่พระบิดาทรงสอนไว้ “ประโยชน์คนอื่นมาเป็นที่หนึ่ง ประโยชน์ตัวเองมาเป็นที่สอง” เมื่อเรามีหน้าที่ที่จะต้องทำเราต้องนึกถึงทุกข์สุขของประชาชน ทรงครองราชย์และทรงงานมา 70 ปีพระองค์ไม่เคยเปลี่ยนแนวเลย เอาเรื่องปัจจัย 4 ของชีวิตเป็นที่ตั้ง ทำอย่างไรให้สมบูรณ์พูนสุขที่สุด ซึ่งแนวของพระองค์ในวันนี้ชาวโลกรับรู้แล้ว เพราะในตอนนี้ปัญหามีมากขึ้น ถ้าไม่ใช้คำว่า “พอเพียง” ตามที่พระองค์ทรงสอนไว้เราคงต้องแย่งกันอยู่แย่งกันกิน เกิดการปล้นเสบียงระดับชาติ กาลข้างหน้าจะทำให้เราย้อนกลับมาดูว่าทำไมในหลวงทรงทำอย่างนั้นไว้ ทศวรรษหน้าจะแย่งทรัพยากร และทรัพยากรที่จะแย่งกันคือ “น้ำ” คนมีเป็น 7,400 ล้านคน และอีก 30 ปีทางองค์การสหประชาชาติ ระบุว่าจำนวนคนเพิ่มเป็น 9,000 ล้านคน ขณะที่โลกถ้าอยู่อย่างยั่งยืน โลกนี้จะรองรับได้จำนวนคน 1,500 ล้าน ถ้าจะมากไปถึง 9,000 ล้านคงมากเกินไปก็จะเกิดการแย่งชิง และยังมีภัยธรรมชาติอีก ดังนั้นจึงต้องย้อนกลับไปถามว่าทำไมพระองค์ถึงทรงยึดเรื่อง ดิน น้ำ ลม ไฟ ธัญพืช อาหาร วันนี้ใครไม่เข้าใจคงต้องกลับไปคิดทบทวนกันใหม่ และยิ่งบ้านเมืองของเราเป็นสวรรค์จริงๆ ประเทศไม่กี่ประเทศนักที่มีส่วนเกิน มีอาหารเกินไปเลี้ยงชาวโลกได้ ผมว่าตรงนี้เราน่าจะดีใจ แต่เรากลับอยากจะได้เงินไปเป็นใหญ่ ผมมองว่าเป็นควายนอนตายดีกว่าไปเป็นเสือ ทุกวันนี้เราดูถูกควายแต่หารู้ไม่ว่าข้าวในจานมาจากเขาทั้งนั้น วันนี้เราพึ่งตลาดเขา พึ่งเทคโนโลยี และยังพึ่งคนของเขามาบริหาร แต่เรื่องเกษตรเราไม่ต้องพึ่งเขา เพราะเป็นสมบัติของเราเอง เราก็แปรรูปเพิ่มมูลค่าต่อไป แต่เราก็เพิ่งมาทำ ไม่เช่นนั้นเราคงผูกติดกับเขาแน่ ฉะนั้นสิ่งที่พระองค์ทรงสอนไว้นั้นทรงมองเห็นการณ์ไกลมาก ราวกลับว่าพระองค์ทรงเห็นสถานการณ์ปัจจุบัน จึงได้วางทุกอย่างไว้หมด แต่เป็นที่น่าเสียดายพวกเราไม่ค่อยมองทะลุ โครงการหลวงกว่า 4,000 โครงการ เราก็ดูเพียงปริมาณไม่ได้ดูที่คุณภาพ และตัวสาระในสิ่งที่พระองค์ทรงทำไว้ก็ไม่เข้าถึงจึงไม่ออกมาเป็นวิชาการ บางทีก็แปลไปแบบผิดๆ กลายเป็นการให้ไปปลูกถั่วปลูกงา ตามจริงแล้วไม่ว่าอาชีพไหนก็แล้วแต่พระองค์ทรงสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ใครจะทำอาชีพไหนก็นำไปปรับใช้ได้ - ในฐานะผู้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทอย่างใกล้ชิดมีความประทับใจต่อพระองค์ เรื่องไหนบ้าง ความประทับใจนั้นมีทุกวันที่ตามเสด็จ แต่ถ้าถามตัวเองว่าตอนไหนที่ประทับใจจนถึงที่สุดและคงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้วคงเป็นครั้งที่พระองค์ทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา พวกเราจึงมานั่งไตร่ตรองว่าจะทำอะไรถวายพระองค์กันดี ให้สิ่งของกับพระองค์ก็เคยให้มาแล้ว เราจึงรวบรวมพรรคพวกที่ถวายงานใกล้ชิดกว่า 10 คนอุปสมบทถวายดีกว่า ทั้งกาย และสิ่งของเราก็ถวายไปแล้ว เราว่ามาถวายใจกันดีกว่า จึงเข้าไปกราบบังคมทูลว่าจะอุปสมบทถวาย พระองค์ทรงดีพระทัย และตรัสว่ากุศลมีจริง และทรงเล่าครั้งที่พระองค์ทรงผนวชว่าได้กุศลเลย เพราะพระองค์ทรงตรัสว่าจะผนวชสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาปริณายก ที่ประชวรอยู่นั้นก็หายทันที และกุศลที่สองคือพอกลับไปบอกสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ผู้เป็นมารดาว่าจะผนวช มารดาผู้ที่ไม่เคยแย้มพระสรวลมาหลายปีแล้ว พอรู้เช่นนั้นทรงดีพระทัย และทรงแย้มพระสรวลมาตลอด ดังนั้นพระองค์ทรงตรัสว่าดีแล้วที่พวกเราบวช นอกจากนั้นพระองค์ยังทรงสอนเราเรื่องอนิสงส์การ การนั่งเพ่งพิจารณา พระองค์ทรงรับสั่งว่าบางทีเราทำงานนานๆเราก็ลืมตัวหลุดออกไปจากชีวิตประจำวันที่ซ้ำซาก อยู่กับตัวเองใช้เวลาไตร่ตรอง วันนั้นพระองค์ทรงตรัสว่าไม่มีแก้วแหวนเงินทองจะให้ แต่กลับพระราชทานสิ่งของสูงสุด ซึ่งผมคิดว่าคงไม่มีใครจะได้ง่ายๆอีกแล้ว คือ ระหว่างที่ผมกับพรรคพวกบวชอยู่นั้นสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาปริณายก ได้เรียกไปรับพระสังฆทาน จากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และให้พระใหม่ 1 รูป เทศน์ถวาย ซึ่งผมเองไม่นึกว่าเป็นตนเอง พระองค์ทรงระบุชื่อมาว่าต้องเป็นผม ภาพที่เรามองย้อนกลับมาในวันนั้นผมนั่งบนธรรมมาสน์เทศน์ อยู่ต่อเบื้องพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ด้านข้างเรามีสมเด็จพระสังฆราชฯ ในวันนั้นนึกเลยว่าไม่ว่าจะตำแหน่งไหนก็ไม่สามารถขึ้นไปนั่งบนธรรมมาสน์เทศน์ได้ ผมถวายเทศน์ 40 นาทีได้ ซึ่งผมบอกว่าผมไม่กล้าถวายเทศน์ด้วยพรรษาน้อย เพราะฉะนั้นจึงขอถวายธรรมปรารภแทน พอเทศน์จบพระองค์ทรงรับสั่งมาว่า “ที่ท่านวิปัสสนาเทศน์มาน่าสนใจมาก” นั่นเป็นการตรัสชม พอผมสึกมาได้หลายปีแล้วพระองค์ก็ยังทรงล้อตรัสถาม “ว่าไงธรรมปรารภ” ผมถือว่า นี่เป็นสิ่งที่สูงส่งแล้วในชีวิต - รับสั่งสุดท้ายที่พระองค์ตรัสกับดร.สุเมธ รับสั่งเมื่อ 5 ปีก่อนว่า “งานยังไม่เสร็จ” แสดงให้เห็นว่าพระองค์ท่านทรงห่วงงานอย่างแท้จริง และทำให้ผมรู้สึกว่าหยุดไม่ได้ ผมก็จะทำต่อไปเท่าที่มีแรง ตราบที่ร่างกายยังไหว ผมซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณด้วยทรงเป็นครูของผมในทุกด้าน ผมโชคดีที่ได้เรียนรู้จากพระองค์ท่านโดยตรง ทุกสิ่งที่พระองค์ถ่ายทอด และทรงสอน พระองค์ทรงศึกษาค้นคว้าจนถ่องแท้ และล้วนเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมทั้งสิ้น ผมพยายามถ่ายทอดสิ่งล้ำค่าเหล่านั้นสุดความสามารถที่จะทำได้เท่าที่ร่างกายจะไหว - สิ่งที่อยากจะฝากให้ประชาชนเรื่องการดำรงตนเองในวันที่พระองค์ไม่ได้อยู่กับเราแล้ว วิธีถวายความโศกเศร้าและความกตัญญูนั้นขอให้ปฏิบัติโดยใช้ธรรมะของในหลวง ซึ่งธรรมะของพระองค์คือ “ดีและถูกต้อง” ซึ่งตรงกับทศพิธราชธรรมดำรงอยู่ในความถูกต้องตลอด ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ก็ให้ปฏิบัติและยึดสิ่งที่พระองค์ทรงสอนไว้ด้วย