วันที่ 11 เม.ย.2567 น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชระโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหารัฐบาลว่าการใช้เงินจากธกส.มาทำเป็นนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet นั้น เป็นดีเอ็นเอเดียวกันกับโครงการรับจำนำข้าวในอดีตว่า ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงความชัดเจนหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายฯ ครั้งที่ 3/2567 เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 67 ว่า นโยบายเรือธงนี้ จะยกระดับเศรษฐกิจได้เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว โดยจะใส่เงิน 5 แสนล้านบาท ในระบบเศรษฐกิจ ลงไปถึงฐานรากครอบคลุมประชาชน 50 ล้านคน ให้ได้ใช้เงินในไตรมาส 4 จับจ่ายใช้สอยในร้านค้าที่กำหนด ส่งผลเศรษฐกิจให้เติบโต 1.2-1.6% ยืนยันจะทำตามรัฐธรรมนูญ และกระบวนการตามกฎหมายระเบียบและตรวจสอบได้

“หากนายจุรินทร์จะย้อนไปถึงโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ควรศึกษาอย่างถ่องแท้ เพื่อจะได้เห็นว่าโครงการรับจำนำข้าวพิสูจน์แล้วว่าช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก กระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ส่งผลต่อภาคการผลิตอย่างมีนัยสำคัญภายใต้บริบทสังคมและเศรษฐกิจขณะนั้น มาบัดนี้ปี 2567 นายจุรินทร์ หลงยุคไม่พอ ยังเชื่อมโยงโครงการในอดีตแบบผิดฝาผิดตัว จึงเป็นการด้อยค่าโครงการที่เป็นนโยบายดี ๆ ในปัจจุบันไปด้วย” น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า จากการที่ธนาคารโลก ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2567 จากเดิมคาดจะโต 3.2% ลดลงมาเหลือเพียง 2.8% นายจุรินทร์ จึงควรมองเห็นโอกาสและความเจริญที่รัฐบาลมุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยที่ซบเซา ให้เกิดการผลิตทั่วทั้งระบบ และกลับมาแข็งแรงตั้งแต่ฐานราก มากไปกว่านั้น ดิจิทัลวอลเล็ต ยังเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจดิจิทัลครั้งใหญ่ ให้ในอนาคต รัฐบาลดำเนินนโยบายอย่างแม่นยำและเข้าถึงประชาชนตรงเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น การวางโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจดิจิทัลจึงต้องเริ่มต้นขึ้นแล้ววันนี้ภายใต้รัฐบาลเพื่อไทย ส่วนกรณีการดำเนินการตามมาตรา 28 ของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯนายเศรษฐา ยืนยันว่าสามารถทำได้ และ ธกส. มีสภาพคล่องเพียงพอ

“นายจุรินทร์ เป็นอดีตรมว.พาณิชย์ อาจหลงลืมไปคือนโยบายการประกันราคาข้าว ก็อาศัยช่องทางมาตรา 28 เช่นกัน แต่ที่ไม่เหมือนกันคือความล้มเหลว และไม่ประสบความสำเร็จ อยากฝากถึงนายจุรินทร์ เมื่อไรจะเลิกขวางความเจริญ เลิกด้อยค่านโยบายดี ๆ แบบไร้ความรับผิดชอบ วิจารณ์ทุกสิ่ง เอาเวลาไปปรับปรุงนโยยายพรรคที่ตนสังกัด และอย่าสร้างวาทกรรมด้วย บิดเบือนสังคมด้วยคำว่า “โกง” ยกตนดีกว่าใคร  จนลืมว่า “ถุงมือยาง” ที่มีการทุจริตตอนท่านเป็นรัฐมนตรี จนสังคมตั้งคำถามมันเกิดขึ้นจริงใช่หรือไม่ อย่ามัวกังวลนโนบาย ดิจิทัลวอลเล็ตที่คิดมาอย่างรอบคอบเลย” น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว