มหาดไทยระบุนายกฯ สั่งทุกหน่วยงานคุมเข้มบังคับใช้กฎหมายบนท้องถนนรับ 7 วันอันตราย ช่วงเทศกาลฉลองปีใหม่ไทย ตั้งเป้าลดอุบัติเหตุลง 10 เปอร์เซ็นต์ "นิกร" จี้รัฐบาล-ตำรวจ บังคับใช้กฎหมายเคร่งครัดก่อน-หลัง 7 วันอันตราย ห่วงตายเซ่นหยุดหยุดยาว

     ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เมื่อวันที่ 11 เม.ย.67 นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานในพิธีเปิดการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2567 ว่า ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานช่วยกันบังคับใช้กฎหมายกรณีสำคัญ เพราะหากมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เชื่อว่าอุบัติเหตุจะลดลงแน่นอน ดังนั้น พี่น้องประชาชนต้องให้ความร่วมมือไม่ดื่มและขับด้วย เนื่องจากช่วงเทศกาลรถยนต์ส่วนใหญ่เดินทางกลับภูมิลำเนาทุกภูมิภาค ทำให้การจราจรติดขัด อุบัติเหตุจึงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
     
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กำชับให้บังคับใช้กฎหมายลดอุบัติเหตุอย่างเข้มงวด  นายเกรียง กล่าวว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้กำชับเกี่ยวกับอุบัติเหตุทุกด้าน เพื่อลดรายจ่ายของภาครัฐ เนื่องจากอุบัติเหตุทำให้สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ปภ.ตั้งเป้าลดอุบัติเหตุไว้สูง โดยจะสามารถลดอุบัติเหตุได้ 5-10 % เพราะในช่วง 7 วันอันตราย เทศกาลปีใหม่ปี 2567 เราสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตลงได้มากถึง 30% ส่วนกรณีการตรวจจับยึดรถผู้ที่กระทำความผิด ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินกฎหมายอย่างเข้มงวดต่อไป ไม่ใช่แค่ในช่วงเทศกาลเท่านั้น ขณะเดียวกัน ก็ต้องใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมและทั่วถึงด้วย

     ด้าน นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะประธานมูลนิธิประชาปลอดภัย กล่าวว่า การเดินทางช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ วันนี้ถือเป็นวันแรกของช่วง 7 วันอันตราย ที่ต้องระมัดระวัง จากการติดตามสถานการณ์การเดินทางช่วงหยุดยาวเทศกาล มาตลอด 20 ปี เห็นว่าปีนี้ไม่ได้ห่วงช่วง 7 วันอันตรายมากมากนัก แต่เป็นห่วงช่วงก่อนหรือหลัง เนื่องจากปีนี้รัฐบาลเพิ่มวันหยุดให้ในวันที่ 12 เม.ย.67 และรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้เทศกาลสงกรานต์ยาวตลอดเดือน ยาวกว่าช่วงปกติทำให้ประชาชนมีความรู้สึกว่าอยากเดินทาง อยากเที่ยว มีการวางแผนช่วงระยะเวลาเอาไว้ ดังนั้นผู้คนจะเดินทางออกก่อนวันที่ 11 เม.ย.แล้ว อุบัติเหตุที่เกิดจึงเกิดนำหน้าไปแล้ว ดังนั้นถ้านับในช่วง 7 วันอันตราย ตัวเลขอาจจะไม่สูงนัก แต่จะสูงอยู่ก่อนแล้ว และเป็นไปได้ที่ หลัง 7 วันอันตรายก็ยังสูงอยู่

     นายนิกร กล่าวว่า ทราบตัวเลขวันที่ 10 เม.ย.67 ที่ผ่านมาถึงเที่ยงคืนวันที่ 11 เม.ย.67 เสียชีวิตไปแล้ว 60 ราย  ทั้งที่จากสถิติเดิมก่อนเข้า 7 วันอันตราย จะเสียชีวิตเฉลี่ย 30 รายต่อวัน แต่นี่พุ่งไปเท่าตัว โดยเสียชีวิตมากที่สุดจากอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ 50 ราย รถทั่วไป 10 ราย และที่น่าเป็นห่วงคือ มีคนต่างชาติเสียชีวิต 4 ราย เมื่อรวมจากต้นปีมาถึงขณะนี้ เพิ่งผ่านไปไตรมาสเศษ มีผู้เสียชีวิตบนถนน จำนวน 4,207 รายแล้ว ซึ่งตัวเลขเหล่านี้น่าเป็นห่วง เป็นค่ามาตรฐาน อย่างไรก็ตามขอย้ำว่าในช่วง 7 วันอันตรายไม่น่าห่วงนัก แต่ที่น่าห่วงคือช่วงรอยต่อ โดยเฉพาะวันเปิดทำงาน 17 เม.ย. แต่เมื่อรณรงค์ให้หยุดยาวก็เป็นไปได้มากว่าจะมีการขยายหยุดต่อเนื่องไปถึงวันที่ 20 เม.ย. เพราะฉะนั้นประชาชนจะเดินทางกลับหลังจากเทศกาลสงกรานต์

     ดังนั้นอาจเกิดปัญหาได้ว่าผู้ที่ขับรถเองจะเหนื่อยล้ามาก เพราะฉลองกันยาวมากกว่าทุกปี แต่หน่วยราชการเลยเวลาในการดูแลช่วง 7 วันอันตรายไปแล้ว ก็อาจจะไม่มีการดูแลบนถนน อีกส่วนหนึ่งที่น่าเป็นห่วงคือเมื่อผู้คนต้องเดินทางกลับหลังเทศกาลจะไม่มีรถขนส่งให้บริการเพียงพอ เพราะทางรัฐบาลจัดรถ รับจ้างไม่ประจำทางมาร่วมให้บริการ เพื่อให้เพียงพอต่อปริมาณของประชาชนในช่วงเทศกาลหยุดยาว ดังนั้นประชาชนก็จะเหมารถตู้เพื่อเดินทางกัน ตรงนี้ก็อันตรายเช่นกัน เพราะคนขับอาจจะวิ่งในช่วงเทศกาลมาเหนื่อยล้าแล้ว ก็อาจจะมีปัญหาตามมา ดังนั้นตนจึงมีความเป็นห่วงสถานการณ์ในลักษณะนี้

     นายนิกร  กล่าวว่า จากประสบการณ์เมื่อช่วงเทศกาลปีใหม่ต้นปีที่ผ่านมา ปรากฏว่าตัวเลขน้อยกว่าค่าที่ควรจะเป็น ทราบเหตุผลว่า มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดอย่างมาก โดยมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เกิดผลทำให้อุบัติเหตุลดลงได้จริง และในเทศกาลนี้ ตนได้พูดคุยกับ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่จะมาดูแลในช่วงสงกรานต์นี้ ซึ่งเจ้าตัวรับปากว่าจะติดตามดูแลทั้งหมด เพราะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ ทราบรายละเอียดดีว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง ตนจึงเชื่อว่าในปีนี้น่าจะพอวางใจได้บ้าง