เศรษฐา เปิดทำเนียบฯ สืบสานประเพณีสงกรานต์ สมเด็จธงชัย อวยพรให้อยู่ในตำแหน่งไปนานๆ ด้าน"พีระพันธุ์" สยบข่าวลือ "นั่งนายกฯสำรอง"  ย้ำไม่มีดีลอะไรทั้งนั้น ลั่นรทสช.ยังไม่ได้คุยเรื่องเปลี่ยนตัวรมต. บอก"ลุงตู่" ไม่ยุ่งเกี่ยวการเมืองแล้ว  'สมศักดิ์'ให้จับตากระแสปรับครม.แรง แย้มอาจมีตามที่เป็นข่าว 


     ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 11 เม.ย.67 เมื่อเวลา 09.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง  เป็นประธานในงานสืบสานวัฒนธรรมประเพณีสงกรานต์ ประจำปี 2567  พร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย  รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ,นายสมศักดิ์ เทพสุทิน  รองนายกฯ , นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ  ,นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค  รองนายกฯ และรมว.พลังงาน  ,นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต. ประจำสำนักนายกฯ  ,เลขาธิการนายกฯ , รองเลขาธิการนายกฯ และข้าราชการเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบรัฐบาล
    
 ต่อมา นายกฯ เป็นประธานในพิธีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ เนื่องในงานประเพณีสงกรานต์ ประจำปี 2567  โดยมีพระสงฆ์ 10 รูป ประกอบด้วย  1.สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดไตรมิตรวิทยาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์  2.สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม 3.สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม 4.สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี วัดไตรมิตรวิทยาราม 5.พระพรหมเสนาบดี วัดปทุมคงคา 6.พระพรหมกวี วัดกัลยาณมิตร 7.พระพรหมวัชรเมธี วัดอรุณราชวราราม 8.พระธรรมวิสุทธาจารย์ วัดบวรนิเวศวิหาร 9.พระธรรมวชิรเมธาจารย์ วัดโสมนัสวิหาร 10. พระธรรมวชิรปาโมกข์ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร และประธานฝ่ายพระสงฆ์ทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์  พร้อมประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้กับนายกฯ โดยสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนีได้เดินประพรมน้ำมนต์ให้กับนายกฯ  และเดินประพรมน้ำมนต์ให้กับ รองนายกฯ และรมต. ประจำสำนักนายกฯ และผู้ร่วมงานด้วย
    
 จากนั้น นายกฯ สรงน้ำพระพุทธรูป และมีพิธีรดน้ำขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคลเนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567 โดยนายกฯ กล่าวอวยพร ชื่นชมสำนักเลขาธิการนายกฯ ที่ช่วยจัดงานนี้ขึ้น  ให้เรารู้ว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ของคนไทย เป็นวันครอบครัว เป็นวันผู้สูงอายุ มีการสืบสานประเพณีสงกรานต์ที่ดีงามของคนไทยทุกคน จึงขอโอกาสนี้อวยพรให้ทุกท่านมีความสุข  มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์มีกำลังกายกำลังใจในการทำงาน เพื่อประเทศชาติบ้านเมืองที่ต้องการความช่วยเหลือ ปีใหม่นี้ขอให้เป็นปีที่ดีและต่อๆไป 
   
  ทั้งนี้นายกฯ ได้เปิดให้รองนายกฯ และรัฐมนตรี พร้อมด้วยข้าราชการสำนักนายกฯ รวมทั้งสื่อมวลชน  รดน้ำดำหัว โดยนายกฯได้มอบเหรียญเสมาเสือคาบดาบมีดอาถรรพ์ รุ่นราชาพยัคฆ์ ของหลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม วัดห้วยด้วน จ.นครสวรรค์  นอกจากนี้ยังได้มอบหลวงปู่ทวดและผ้ายันต์พระนารายณ์ทรงครุฑประทับพระราหู ของ ซึ่งสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (สมเด็จธงชัย)เป็นผู้ปลุกเสก ให้กับผู้ที่เข้าร่วมพิธีด้วย
   
  หลังเสร็จพิธีสงฆ์นายกฯ ได้เดินมาส่งคณะสงฆ์ขึ้นรถเดินทางกลับ แต่ระหว่างนั้นสมเด็จธงชัยได้อวยพรให้นายกฯ "อยู่ไปนานๆนะท่านนะ ให้บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข ช่วงที่มีท่านอยู่ อนุโมทนา ดีมากเลยท่าน" พร้อมยกนิ้วโป้งแล้ว บอกว่า"สุดยอดเลยท่าน"
   
  ด้าน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกระแสข่าวเตรียมเป็นนายกรัฐมนตรีสำรอง ว่า ไม่มี พูดกันไปเอง คิดกันไปเอง ไม่มี ดีลอะไรไม่มีทั้งนั้น
   
  ผู้สื่อข่าวถามว่า รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแล้วใช่หรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ หรือลุงตู่ของพวกเราท่านทำภารกิจหลัก ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของประเทศถวายในหลวงในเรื่องงานต่างๆ อยู่แล้ว ท่านไม่ได้ยุ่งในเรื่องการเมือง เมื่อถามย้ำว่า กระแสข่าวที่ออกมาอาจเพราะเห็นว่านายพีระพันธุ์มีความใกล้ชิดพล.อ.ประยุทธ์ จึงทำให้มีข่าวจะมาเป็นนายกฯสำรอง นายพีระพันธุ์ ตอบว่า ไม่มีหรอก มาจากสื่อที่มั่วกันเอง     
    
 เมื่อถามถึงกระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังสงกรานต์ ในส่วนของ รทสช. จะมีการปรับเปลี่ยนอะไรหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยกันเรื่องนี้เลย เพราะฉะนั้นอย่างที่ตนเคยพูดตลอด อะไรที่ยังไม่มีการพูดกันอย่างเป็นทางการถือว่ายังไม่มี  เมื่อถามว่า ถ้ามีการปรับในส่วนของ รทสช. จะมีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ยังไม่มี ยังไม่มีการคุยอะไรกันเลย เพราะยังไม่มีการพูดคุยกันในรัฐบาล ดังนั้น ในพรรคจึงยังไม่มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้
    
 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์การเมืองในช่วงสงกรานต์จะชุ่มฉ่ำ หรือร้อนแรง ว่า ช่วงนี้ฝนตกลงมา นอกจากลดฝุ่น PM2.5 ยังลดสถานการณ์ความร้อนแรงทางการเมืองลงมาด้วย และสภาปิดสมัยประชุม จึงเป็นช่วงเวลาการทำงานของฝ่ายบริหาร ที่จำงานอย่างมีคุณภาพ และเกิดประโยชน์ต่อประชาชน
    
 สำหรับกระแสข่าวการปรับครม.นั้น  เป็นอำนาจของนายกฯ ส่วนจะปรับหรือไม่ปรับนั้น ตนไม่ทราบ แต่ได้ยินจากสื่อมวลชน และวันนี้ ดูแล้วว่ากระแสข่าวการปรับครม.รุนแรงขึ้น ดังนั้นจะต้องจับตาดูอะไรเป็นอะไร และใครจะไปอยู่ที่ไหนอย่างไร แต่ส่วนตัวยังไม่ทราบ เมื่อถามว่า จากประสบการณ์ส่วนตัวในช่วงนี้ควรปรับครม.แล้วหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า หากเป็นพรรคไทยรักไทยจะมีการปรับบ่อย เพื่อแก้ปัญหาในขณะนั้น และอาจจะเป็นไปตามที่มีข่าวออกมา รวมถึงอีกกระแสหนึ่ง มีการโหมมาในลักษณะนี้ จะมีข้อเท็จจริงหรือไม่ก็ต้องติดตามดู
   
  นายสมศักดิ์ กล่าวถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีความเคลื่อนไหวบ่อยขึ้นจะทำให้การเมืองกลับไปเป็นเหมือนเก่าหรือไม่ว่า  นายทักษิณเป็นคนทำงาน และการหยุดไป 17 ปี ในสมองท่าน คงมีแต่เรื่องการพัฒนา สิ่งที่ท่านเห็นรอบโลก เห็นอะไรเยอะ และอยากให้ประเทศไทย เหมือนต่างประเทศที่มีอะไรดี ๆ และเชื่อว่า จะเป็นการเสริมกัน เมื่อถามว่า ประชาชนบางส่วนยังกังวลระบอบทักษิณจะกลับมานั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่ และระบอบทักษิณเป็นอย่างไร ตนก็ยังไม่เข้าใจ แต่ในเรื่องของการเมือง และสิ่งที่จะเดินไปถึงความแตกแยก คงไม่ใช่แน่นอน และเป็นเรื่องตรงกันข้าม แต่การกลับมาของนายทักษิณ จะทำให้แนวของความสมานฉันท์เป็นประเด็นสำคัญ
   
  ผู้สื่อข่าวถามว่า การกลับมาของนายทักษิณจะทำให้สมานฉันท์ได้อย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อก่อนไม่ได้สมานฉันท์ เป็นขั้ว เป็นอะไรต่าง ๆ แต่หลังจากนั้น ตนคิดว่า แนวทางของการเมือง ออกแนวสามัคคี และเดินหน้า เมื่อถามว่า ทิ้งพรรคก้าวไกลอยู่พรรคเดียวใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คงเป็นขั้วการเมืองที่ต้องแก้ปัญหาของพรรคตัวเองมากกว่า เราคงไม่นำมาฉุกคิดเป็นเรื่องของขั้วการเมือง เพื่อให้เสียเวลาแก่การพัฒนาประเทศ
   
  ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลระบุแหล่งเงินดิจิทัลวอลเล็ต  500,000 ล้านบาท ที่มาจาก 3 ทางคืองบเหลือจ่าย 67 งบ 68 และเงิน ธกส. ตาม ม.28 พรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ว่า การใช้เงิน จาก ธกส.โดยให้ ธกส.สำรองจ่ายไปก่อน แล้วรัฐบาลค่อยใช้คืนทีหลัง ตาม ม.28 ก็คือการกู้ ธกส.มาแจก นั่นเอง ก๊อปปี้วิธีการของโครงการจำนำข้าวมาทั้งดุ้น พูดง่ายๆคือมาจาก DNA เดียวกัน เพราะจำนำข้าวก็คือให้ ธกส.สำรองเงินไปรับจำนำข้าวจากชาวนาก่อน แล้วรัฐบาลค่อยใช้คืนทีหลัง ซึ่งขาดทุนตั้งแต่นับหนึ่ง เพราะราคาข้าวในตลาดตันละไม่ถึงหมื่น แต่ให้ไปรับจำนำตันละหมื่นห้า ทุกๆตันจึงขาดทุนสะสมไปเรื่อยๆ จนทำให้ขาดทุนรวมไป 6-7 แสนล้าน และจนวันนี้ยังใช้หนี้ไม่หมด ยังเหลือหนี้ค้าง ธกส.อยู่อีก 200,000 กว่าล้านบาท ซึ่งกรณี ดิจิตอล Wallet ที่จะให้ ธกส.สำรองแจกไปก่อน จึงมาจาก DNA เดียวกัน
    
 "รัฐบาลจะต้องมีภาระหนี้ กับเฉพาะ ธกส.เพิ่มอีกตามที่ รัฐบาลแถลง 172,300 ล้านบาท รวมกับหนี้เก่าจำนำข้าว อีก 200,000 กว่าล้านบาท ก็จะทำให้รัฐบาลเป็นหนี้ ธกส. เฉพาะ 2 โครงการ ทั้งที่ยังคงค้างอยู่และจะสร้างใหม่ รวมประมาณ 4 แสนล้านบาท ซึ่งจนวันนี้ รัฐบาลก็ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีแผนชำระหนี้เฉพาะหนี้ ธกส.ที่จะกู้มาแจกในโครงการดิจิตอล Wallet อย่างไร และยังอาจมีปัญหาข้อกฎหมายตามมาอีกว่าแม้เงิน ธกส.สามารถเอามาดูแลเกษตรกรได้ แต่ถ้าถึงขั้นจะเอามาแจกตามโครงการดิจิตอล Wallet ด้วยวัตถุประสงค์กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการบริโภค สามารถทำได้หรือไม่ ดูให้รอบคอบ อย่าไปทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องทำเพราะหาเสียงไว้และต้องทำให้ถูกกฎหมายด้วย" นายจุรินทร์ กล่าว