ทั่วโลกประณาม อิหร่าน เปิดฉากส่งโดรนกว่า 200 ลำพร้อมด้วยขีปนาวุธนำวิถี และขีปนาวุธร่อนนับร้อยลูกโจมตี อิสราเอล ด้าน สถานทูตไทย ในอิสราเอลเตือนคนไทย ทำตามคำสั่งทางการเคร่งครัด หลัง อิหร่าน โจมตี
    
 เมื่อวันที่ 14 เม.ย.67 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้มีกำหนดการในการประชุมในวันที่ 14 เม.ย.นี้ หลังอิสราเอลได้ขอให้ทาง UNSC ประณาม อิหร่าน หลังเปิดฉากส่งโดรนกว่า 200 ลำพร้อมด้วยขีปนาวุธนำวิถี และขีปนาวุธร่อนนับร้อยลูกโจมตีอิสราเอล เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 14 เมษายน ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อตอบโต้การที่อิสราเอลได้โจมตีทางอากาศใส่แผนกกงสุลของสถานทูตอิหร่านในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา
    
 ทั้งนี้ในการประชุมของ UNSC จะมีขึ้นในเวลา 16.00 น. ตามเวลาเขตเวลาตะวันออก (ET) โดยนายกิลาด เออร์ดาน เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรอิสราเอลประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้ส่งจดหมายขอให้ UNSC จัดการประชุมฉุกเฉิน นายเออร์ดานโพสต์ข้อความลงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ X ว่า "การโจมตีของอิหร่านเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสันติภาพโลกและผมคาดหวังว่า UNSC จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมต่ออิหร่าน"
    
 อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุดังกล่าว หลายประเทศทั่วโลกได้ออกมาประณามการโจมตีของอิหร่านอย่างต่อเนื่อง ทั้ง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐระบุว่า กองทัพสหรัฐได้ช่วยสกัดโดรนและขีปนาวุธของอิหร่านเกือบทั้งหมด และได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล แล้วว่าสหรัฐจะสนับสนุนความมั่นคงของอิสราเอลอย่างเต็มที่ และไบเดนจะรวบรวมเสียงผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ชาติ (จี7) เพื่อร่วมกันตอบโต้ทางการทูตต่อการโจมตีของอิหร่าน
    
 เช่นเดียวกับ นายกรัฐมนตรีริชี ซูแน็ก ของอังกฤษ ที่ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีของอิหร่านที่ไม่ยั้งคิด ซึ่งเสี่ยงที่จะเพิ่มความตึงเครียดและทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค นายโจเซฟ บอเรลล์ ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงของสหภาพยุโรป (อียู) ได้ประณามการโจมตีดังกล่าวของอิหร่านเช่นกัน โดยบอกว่าการโจมตีครั้งนี้ถือเป็นการทำให้สงครามขยายตัวออกไปอย่างคาดไม่ถึง และเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงในภูมิภาค
    
 ด้านประเทศอียิปต์ก็ออกมาเคลื่อนไหวเช่นกัน โดยกระทรวงต่างประเทศอียิปต์ได้แสดงความกังวลถึงการยกระดับของสงครามและขอให้ใช้การยับยั้งชั่งใจอย่างที่สุด อีกทั้งเตือนถึงความเสี่ยงที่ความขัดแย้งในภูมิภาคจะขยายตัว และอียิปต์จะติดต่อกับทุกฝ่ายโดยตรงเพื่อพยายามที่จะควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 
    
 ส่วน กระทรวงต่างประเทศของซาอุดีอาระเบียได้ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลถึงการขยายตัวทางความขัดแย้งทางทหาร และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจอย่างถึงที่สุดและปกป้องภูมิภาค รวมถึงประชาชนจากอันตรายของสงคราม
    
 ขณะที่ สถานเอกอัครราชทูตไทยในเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้ออกประกาศแจ้งแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัยตามคำประกาศของรัฐบาลอิสราเอล หลังเกิดเหตุโจมตีตอบโต้กลับจากอิหร่านต่ออิสราเอล ในช่วงเช้าวันที่ 14 เมษายน ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้
    
 สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอแจ้งแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัยตามประกาศของรัฐบาลอิสราเอล และขอให้ทุกท่านระมัดระวังตนเอง และปฏิบัติตามคำสั่งทางการท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด หากได้ยินเสียงไซเรน ขอให้ทุกท่านรีบเข้าห้องหลบภัยในทันที
    
 ประกาศสำหรับคนไทยในอิสราเอล สถานเอกอัตรราชทูต ฯ ขอแจ้งแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัย ตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย. 67 เวลา 23.00 น. จนถึงวันที่ 15 เม.ย. 67 เวลา 23.00 น. ดังนี้ ห้ามมีการชุมนุมมากกว่า 1,000 คน ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และปิดสถาบันการศึกษาในพื้นที่สู้รบ ห้ามชุมนุมมากกว่า 30 คนสถานที่ทำงานเปิดได้เฉพาะที่มีห้องหลบภัยรัฐบาลได้ประกาศปิดน่านฟ้า และงดเที่ยวบินทั้งหมด ตั้งแต่ 00.30 น. ของวันที่ 14 เมษายน 2567จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
    
 ทั้งนี้ ขอให้ทุกท่านติดตามประกาศของแต่ละท้องถิ่นหากต้องการติดต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ โปรดติดต่อ +972 546 368150 +972503673195ด้วยความห่วงใย จากสถานเอกอัดรราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ