วันที่ 22 เม.ย.2567 ทำเนียบรัฐบาล นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับแนวทางในการทําประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 นฐานะประธานคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับแนวทางในการทําประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีที่รับทราบรายงานการแก้ไข รัฐธรรมนูญว่า พรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้มีปัญหา ต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ  ในวันพรุ่งนี้ ตนเอง พร้อมกับนายวุฒิสาร ตันไชย ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการศึกษาการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะรายงานให้นายกรัฐมนตรี รับทราบในการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตามรายงานของคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นฯ

นายนิกร กล่าวว่า ย้ำว่าเรื่องนี้พรรคร่วมรัฐบาลทุกคนเห็นด้วยในทิศทางเดียวกันว่าจะมีการจะทำประชามติ 3 ครั้ง และคำถามจะเป็นไปตามที่คณะกรรมการฯ เสนอขึ้นมา ที่ระบุว่าจะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 1 หมวด 2 หรือไม่ โดยถือเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล //จากนั้น จะไม่มีการรอกฎหมายประชามติ เนื่องจากอาจถูกมองว่าถ่วงเวลามากไป โดยจะเดินหน้าในเรื่องนี้ และนายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไปเร่งรัดกฎหายการจัดทำประชามติ เพื่อให้ทันเวลา อย่างไรก็ตาม หลักการการจัดทำประชามติครั้งแรกจะมีค่าใช้จ่ายพอสมควร แต่การทำประชามติ ครั้งที่ 2 เชื่อว่า จะแก้กฎหมายประชามติได้ทันและลงตัว โดยจะสามารถจัดทำประชามติครั้งที่ 2 ในวันเดียวกับวันเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ.  โดยการลงคะแนนก็จะจัดทำหน่วยคล้ายวันเลือกตั้ง ส.ส ซึ่งจะประหยัดงบประมาณลง 

ส่วนที่มีคำถามประชามติเป็นการมัดมือชกนั้น นายนิกร ย้ำว่า เรื่องนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่มีสิทธิ์จะดำเนินการ เพราะคำถามประชามติเกิดจากรัฐบาลที่จะถามประชาชน ไม่ใช่จากรัฐสภา ซึ่งคำถามจะเว้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 1และหมวด2 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภา ดังนั้นต้องมีความชัดเจน และเป็นสิทธิ์ของคณะรัฐมนตรี ที่จะแถลงตามนโยบายที่ได้ให้ไว้ อย่างไรก็ตาม หลังนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว กลไกพระราชบัญญัติประชามติก็ส่งเรื่องไปยัง กกต. ซึ่ง กกต .ก็ชี้ออกมา จะใช้เวลาจัดทำประชามติตามกฏหมาย ไม่น้อยกว่าไม่น้อยกว่า 90 วันและไม่มากกว่า 120 วันทุกอย่างกำลังเดินหน้า ถือว่าการจัดทำประชามติ 3 ครั้ง เป็นอันจบแล้ว และเรื่องนี้ถือว่าทุกพรรคร่วมรัฐบาลเห็นพ้องต้องกัน