"บิ๊กบัวแก้ว" ระบุส่งชาวเมียนมาหนีภัยสงครามกลับประเทศได้แล้ว 1,200 คน เผย "นายกฯ" บินไปดูสถานการณ์ที่แม่สอดวันนี้ "กมธ.ทหาร" ประเมินการสู้รบถึงจุดแตกหัก สถานการณ์รุนแรงขึ้น ด้าน"โรงพยาบาลแม่สอด" รับศึกหนัก ชาวเมียนมาที่ได้่รับบาดเจ็บจากการสู้รบถูกหามเข้ามารักษาตัวกว่า 100 ราย รวมผู้หนีภัยสงครามกว่า 2 พันราย ขณะที่ "ทหารเมียนมา" เสริมทัพเเข้าไปช่วยเหลือทหารเมียนมาในพื้นที่เมียวดี และยังมีการสู้รบกันต่อเนื่อง

 จากสถานการณ์สู้รบในเมียนมา ระหว่างทหารฝ่ายต่อต้านทหารเมียนมา ซึ่งประกอบด้วยทหารสหภาพแห่งขาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) กองพลน้อยที่ 6 และ เคเอ็นยูซี. รวมทั้งกองกำลัง พีดีเอฟ.กองกำลังปกป้องประชาชนของรัฐบาลเอกภาพแห่งชติ (เอ็นยูจี ในพื้นที่ จ.เมียวดี ตรงข้าม อ.แม่สอด จังหวัดตาก ที่ยืดเยื้อยาวนานหลายวัน ทำให้มีชาวเมียนมา เดินทางเข้ามายังประเทศไทย เพื่อหลบภัยสงครามอย่างต่อเนื่อง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

 ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 เม.ย.67 นายปายปรีย์ พหิธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ รายงานว่า สถานการณ์สู้รบเมียนมา มีผู้หนีภัยเข้ามา 2,800 คน เมื่อวันที่ 21 เม.ย. เดินทางกลับประเทศไปแล้ว 1,200 คน และวันที่ 23 เม.ย. จะประชุมคณะกรรมการความคืบหน้าสถานการณ์ และจะมีการแถลงข่าวต่อไป จากนั้นช่วงบ่าย ตนจะลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก พร้อมด้วย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี 

 นายปายปรีย์ ยังกล่าวยืนยันว่า ประเทศไทยได้มีการเตรียมแผน ทั้งระยะสั้นและระยะยาวไว้หมดแล้ว และได้มีการเตรียมแผนไว้นานแล้ว ดังนั้นเมื่อเกิดสถานการณ์ ก็พร้อมรับทันที เห็นได้จากประชาชนที่อพยพเข้าประเทศไทย รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบก็สามารถรองรับได้หมด รวมถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ประเทศไทยก็รับเข้ามาดูแล ดังนั้นศูนย์อพยพของไทยไม่จำเป็นต้องร้องขอเพิ่มเติม แต่จะปรับปรุงและทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศตลาดริมเมย ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ค่อนข้างเงียบเหงา ร้านค้าในตลาดไม่เปิดบริการหลายร้าน แม่ค้าในตลาด บอกว่า บรรยากาศที่ตลาดเงียบเหงามาตั้งแต่โควิดระบาด จนถึงเหตุการณ์ไม่สงบในประเทศเมียนมาอย่างต่อเนื่อง และทางเมียนมาก็ปิดด่านชั่วคราว ส่วนตลาดสดในอำเภอแม่สอด พบเห็นชาวพม่ามาจับจ่ายใช้สอย รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าก็เป็นชาวพม่า พ่อค้าแม่ค้าบอกว่า ช่วงนี้บรรยากาศไม่ค่อยคึกคักเนื่องจากเป็นหลังเทศกาลสงกรานต์ ส่วนเหตุการณ์สู้รบในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ส่งผลกระทบไม่มากเท่าไหร่


ที่รัฐสภา นายชยพล สท้อนดี ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารเมียนมากับฝ่ายต่อต้านกะเหรี่ยงเคเอ็นยู และกองกำลังปกป้องประชาชน ว่า ส่วนตัวเชื่อว่าสถานการณ์สู้รบจะรุนแรงมากขึ้น เพราะรายละเอียดนั้นเป็นจุดแตกหัก แต่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ขณะที่กมธ.ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าว และเตรียมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาเข้ามาชี้แจงสถานการณ์ขั้นตอนการปฎิบัติงาน รวมถึงการช่วยเหลือคนไทยที่พักอาศัยใกล้กับพื้นที่สู้รบในที่ประชุมกมธ.เป็นระยะ

 "กมธ.การทหารให้ความสำคัญในเรื่องการช่วยเหลือ ปกป้องคนไทยที่อาศัยในพื้นที่ที่มีการสู้รบ และที่พักอาศัยบริเวณชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของเศษชิ้นส่วนอาวุธ กระสุน และสะเก็ดระเบิดลูกหลง ที่กองทัพจะต้องมีความพร้อมเฝ้าระวังรับมือ และประกาศเตือนเพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ และบ้านเรือน ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว" 

 นายชยพล กล่าวด้วยว่า สำหรับการเตรียมความพร้อมบริเวณชายแดน ตนมองว่าต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลาเพื่อไม่ให้คนไทยในฝั่งไทยได้รับความเสียหายใดๆ ทั้งนี้เคยมีกรณีที่เครื่องบินพร้อมรบของเมียนมาบินล้ำน่านฟ้าในฝั่งไทย ทางกองทัพต้องเตรียมพร้อมไว้


 วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานการสู้รบบริเวณพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ตั้งแต่ช่วงเช้าว่า  ยังไม่ได้ยินเสียงปืน นับตั้งแต่ทางฝ่ายทหารเมียนมา ได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ ซึ่งมีทั้งพลเรือน และเจ้าหน้าที่ฝั่งเมียนมา รวมทั้งฝ่ายต่อต้าน ยังคงเดินทางมารับการรักษาที่โรงพยาบาลแม่สอดไม่ขาดสาย ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้มีจำนวนกว่า 100 คนแล้ว

 โดยผู้ได้รับบาดเจ็บส่วนหนึ่งมาจากในเมืองเมียวดี ส่วนหนึ่งมาจากท่าขนส่งสินค้า หรือท่าข้าม ตามแนวชายแดนจากอำเภอต่างๆ ทำให้โรงพยาบาลแม่สอด ต้องรับมือในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยรับการรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บตลอด 24 ชั่วโมง


 สำหรับสถานการณ์การสู้รบในเมียนมาที่ผ่านมา ทหารเมียนมาได้เสริมกำลังทหารเข้ามาจำนวนมาก และยังอยู่บริเวณถนสายเอเชีย บนถนนสายกอกาเลก มีเป้าหมายที่จะเข้าไปช่วยเหลือทหารเมียนมาในพื้นที่เมียวดี โดยเฉพาะบริเวณบ้านเหย่ปู่ ห่างจากด่านพรมแดนไทย-เมียนมา (แม่สอด เมียวดี) ตรงข้ามบ้านวังตะเคียนใต้ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด ประมาณ 1.5 กิโลเมตร

 ด้านหน่วยเฉพาะกิจราชมนู อ.แม่สอด จ.ตาก แจ้งถึงสถานการณ์ผู้ลี้ภัยที่หนีภัยสงครามเข้ามายังเขตประเทศไทยมีทั้งหมด จำนวน 2,090 คน ณ เวลา 08.00 น. วันที่ 22 เม.ย. 2567 อยู่ในพื้นที่ อ.แม่สอด 2 แห่ง 2,013 คน และที่ อ.อุ้มผาง 77 คน โดยมีทหาร ฝ่ายปกครอง สาธรณสุข และตำรวจในพื้นที่ช่วยดูแล นอกจากนี้ ฝ่ายทหารยังคงเฝ้าระวัง และออกตระเวนตามแนวชายแดนตลอดทั้งคืน