โฆษก กต. เผย สถานการณ์ ชายแดนไทย เมียนมา ดีขึ้น ไม่มีเสียงปะทะ แต่ เฝ้าระวังใกล้ชิด ยืนยัน  ไทย ช่วยเหลือผู้หนีภัยสู้รบ ทุกคน ไม่เลือกปฏิบัติ ตามหลักสากล ยังตกค้าง ประมาณ 650 คน 

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ที่คณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา เมื่อวานนี้รับทราบ รายงานสถาการณ์ จากฝ่ายความมั่นคงว่า สถานการณ์ ยังไม่แน่นอน มีการขยายพื้นที่สู้รบ  ตามแนวชายแดนไทย ที่ติดกับเมืองเมียววดี  เพราะยังเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ ที่กลุ่มสู้รบต้องการครอบครอง ในช่วง 48 ชม.ที่ผ่านมา  แนวโน้มสถานการณ์ดีขึ้น  ไม่มีเสียงยิงปะทะ เกิดขึ้นแล้ว 

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า มีแนวโน้มที่ จะมีผู้หนีภัยความไม่สงบ เข้ามาในประเทศไทย มากขึ้น 

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหน้าที่ ประสานงานกับต่างประเทศ จากส่วนกลาง พน้อมทั้งสั่งการให้ สมช. เป็นหน่วยงานหลักในการประเมินสถานการณ์ อย่างต่อเนื่อง 

รัฐบาลไทย ยืนยัน ว่า การสู้รบครั้งนี้ไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับเมียนมา ดังนั้น ไทยจะเป็น ผู้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยไม่เลือกปฏิบัติ ตามหลักการสากล เช่นหากเป็นทหารขอหนีภัยเข้ามา ก็จะต้องปลดอาวุธ  แต่งกายชุดพลเรือน  หากต้องการเดินทางกลับ จะต้องได้รับคำยืนยันว่า กลับไปแล้วปลอดภัย ซึ่ง ที่ผ่านมา ก็ส่ง พลเรือนเมียนมา กลับไปแช้วเป็นจำนวนมาก 

ส่วนผลกระทบกับไทย  ยังไม่รุนแรง  โดยเฉพาะ การค้าชายแดน ที่ประเมินว่า เป็นผบกระทบเพียงชั่วคราวเท่านั้น 

หลังจากลงพื้นที่ ของ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ / นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตนี และ รัฐมนตรีว่าหารกระทรวงมหาดไทย / และ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อติดตามสถานการณ์ และ เยียมให้กำลังเจ้าหน้าที่ รวมทั้งผู้หนีภัยสู้รบ เมื่อวานนี้ ได้รับรายงานจากหน่วยงานในพื้นที่ ว่า ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา ไม่มีการสู้รบเกิดขึ้นบริเวณ สะพานมิตรภาพ ไทย-เมียนมา แห่งที่2 แล้ว ส่วนผู้หนีภัย รอบแรก 3,000 กว่าคน กลับไปแล้ว เหลือตกค้างราว 650 คน ยืนยันว่าไทย ดูแล ผู้หนีภัยตามหลักมนุษยธรรม 

และ เช้าวันนี้สถานการณ์ ดีขึ้นอย่างมาก  แต่ก็ติดตามสถานการณ์ อย่างใกล้ชิด ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีความพร้อมรับสถานการณ์ ทุกรูปแบบ และจะดูแลประชาชน เป็นอย่างดี ให้ปลอดภัยที่สุด พร้อมย้ำว่า ติดตามด้านการข่าว ตลอดเวลา ทราบว่า มีความพยายาม ที่จะเคลื่อนไหว เพื่อยึดคืน พื้นที่ แต่ สถานการณ์ มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงยังให้ข้อมูล ที่ชัดเจนได้ 

ส่วนการเป็น คนกลางในการเจรจา ยังไม่ได้รับการติดต่อจาก ทั้ง2 ฝ่าย และได้รับรายงานว่า มีความพยายามจะเจรจา กันเองเป็นการภายในอยู่