วันที่ 25 เม.ย.2567 เวลา 11.40 น. ที่รัฐสภา นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สว. กล่าวถึง กรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตการไปดูงานในต่างประเทศ ของสมาชิกวุฒิสภาชุดปัจจุบัน ในช่วงใกล้หมดวาระ ว่า ในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็กเยาวชนสตรีผู้สูงอายุคนพิการและผู้ด้อยโอกาส ของวุฒิสภา เราไม่ได้ไปดูงานต่างประเทศ และในกมธ.ไม่มีนโยบายที่จะไปศึกษาดูงานในต่างประเทศ ซึ่งจากกมธ.ทั้งหมด 28 คณะ มี 9 คณะ ที่ไม่ได้เดินทางไปศึกษาดูงานในต่างประเทศ เช่น กมธ.การพัฒนาสังคมฯ เคยไปครั้งเดียว คือไปประเทศลาวก่อนช่วงโควิด-19 กมธ.การต่างประเทศ กมธ.การสิทธิมนุษยชนฯ กมธ.การเมืองฯ และกมธ.การสาธารณสุขฯ เป็นต้น
นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวเคยพูดในวิปวุฒิสภาว่าไม่เห็นด้วยกับการเดินทางไปดูงานในต่างประเทศ เนื่องจากตนไม่สามารถตอบคำถามต่อสังคมได้ว่าไปดูงานแล้วจะนำกลับมาทำอะไร เนื่องจากมีวาระเหลืออีกไม่กี่เดือนเท่านั้น ขณะเดียวกันก็มีภารกิจงานที่ค้างและต้องดำเนินการจำนวนมาก ดังนั้นกมธ.การพัฒนาสังคมฯ จึงมีมติว่าไม่เดินทางไปดูงานในต่างประเทศ ส่วนกมธ.อื่นๆที่เดินทางไปดูงานก็ต้องตอบคำถามต่อสังคมเองว่าเดินทางไปแล้วได้ประโยชน์อะไรให้กับประเทศบ้าง
เมื่อถามว่า มีข้อครหาเกี่ยวกับการเดินทางไปดูงานในต่างประเทศช่วงท้ายของวาระการทำงานอาจแฝงเกี่ยวกับการท่องเที่ยวด้วย นายวัลลภ กล่าวว่า สังคมสามารถวิจารณ์ได้เต็มที่ เพราะบุคคลสาธารณะต้องพร้อมที่จะรับฟังคำพิพากษ์วิจารณ์ ขณะเดียวกันก็ต้องมีการนำเสนอข่าวที่เป็นข้อเท็จจริง หรือเรียกว่าหากจะด่าก็ต้องด่าให้ถูกคน
“หลังจากนี้ไม่ว่าจะ สว.ชุดใหม่ หรือสส. หากจะไปศึกษาดูงานในต่างประเทศ ก็ต้องตอบคำถามชี้แจงต่อสังคมได้ หากตอบไม่ได้ก็อย่าไป ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถที่จะห้ามได้”นายวัลลภ กล่าว
เมื่อถามว่า ควรออกเป็นระเบียบเกี่ยวกับการดูงานในต่างประเทศหรือไม่ นายวัลลภ กล่าวว่า ไม่ใช่ระเบียบแต่เป็นเรื่องของหลักการใหญ่ ถ้าหลักการชัดเจนว่าราชการ สส.ไม่ควรดูงานอย่างไร สามารถกำหนดแนวทางได้เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง พูดไปเลยว่า เศรษฐกิจเราแย่ เรากำลังจะมีดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ก็อย่าให้ไปต่างประเทศ เอาเงินไปให้ชาวบ้านเถอะ ก็ต้องพูดให้ชัด ตนคิดว่าถ้าทิศทางชัดก็ไม่มีใครทำได้ ทั้งนี้ขอฝากแนวทางให้รัฐบาล รัฐสภา หน่วยงานราชการและองค์กรอิสระ ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการดูงานในต่างประเทศ เพื่อประหยัดงบประมาณแผ่นดิน
