ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัฒนา มหารมย์ ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดกาญจนบุรี  พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ นุชสาย ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาเมืองกาญจนบุรี ได้ประสานไปที่พ.ต.อ.สุรยุทธ  เมฆมังกร ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องนำหมายค้นของศาลจังหวัดกาญจนบุรี เข้าตรวจสอบพื้นที่บ้านจุดที่ 1 หมู่ 1 ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี และ จุดที่ 2 ในตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ผลการเข้าตรวจสอบพบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และตัวคอยบิด จำนวน 21 ตัว คาดว่าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการดัดแปลงลักลอบการใช้ไฟฟ้าโดยผิดกฎหมาย ซึ่งการตรวจค้นวัดค่าใช้งานรวมได้ 53 kW ภายในบ้านยังพบอุปกรณ์ประกอบหลายรายการ มูลค่าของกลางและความเสียหายในการลักลอบใช้ไฟฟ้า ทั้งสิ้นกว่า 8 ล้านบาท จึงแจ้งข้อกล่าวหาพร้อมทั้งนำผู้ครอบครองสถานที่ไปยัง สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อทำการสอบสวนและขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

ด้านนายวัฒนา มหารมย์ ผจก.ไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขากาญจนบุรีกล่าว่า "การลักลอบใช้ไฟฟ้านั้นทาง PEA สามารถตรวจสอบได้จากฐานข้อมูลการใช้ไฟฟ้าของ PEA  ซึ่งการละเมิดการใช้ไฟฟ้านอกจากจะเป็นการกระทำผิดตามกฎหมายในคดีแพ่ง และอาญาแล้ว ยังเป็นการติดตั้งระบบไฟฟ้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน อาจก่อให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร รวมถึงอาจจะเกิดเพลิงไหม้ เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้

สำหรับประชาชนผู้เป็นเจ้าของอาคารปล่อยเช่า ควรตรวจสอบผู้เช่าว่า มีการใช้งานอาคารในลักษณะผิดกฎหมายหรือไม่  ซึ่งหากผู้ใดพบเห็นการละเมิดการใช้ไฟฟ้าที่ผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่  1129  PEA Contact Center  หรือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่ โดยในการเข้าตรวจสอบการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าในครั้งนี้ เนื่องจากได้มีชาวบ้านในหมู่บ้านแจ้งเบาะแสว่า  ได้สงสัยภายในห้องบ้านหลังดังกล่าว ที่ไม่มีคนอยู่อาศัย นานๆ จะมาสักครั้ง  แต่เกิดมีเสียงดัง ชาวบ้านเกรงจะเกิดอันตราย จึงแจ้งการไฟฟ้าให้ตรวจสอบ 

อีกทั้งไม่เคยเห็นการขนอุปกรณ์ทั้งหมดเข้าไปในช่วงเวลาใด คาดว่าน่าจะช่วงที่เพื่อนบ้านออกไปทำงานกันหมด แล้วขนเข้าไปในบ้าน อุปกรณ์ถึงมากมายขนาดนี้ และคาดว่าเจ้าของบ้านน่าจะใช้อุปกรณ์สั่งการณ์ทางมือถือ เนื่องจากบางครั้งมีเสียงดังรบกวนจนน่ากลัว ทำให้เกิดการรบกวนคนในหมู่บ้าน ทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งผิดสังเกตุ  

โดยบ้านหลังนี้เมื่อหลายปีที่ผ่านมาได้เกิดเพลิงไหม้จนอุปกรณ์คล้ายๆ กันวอดวายเสียหายไปจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้สงสัยว่าอุปกรณ์ที่ถูกไฟไหม้เสียหายในครั้งนั้น คืออุปกรณ์ชนิดเดียวกันที่ใช้ในการลักลอบใช้ไฟฟ้าครั้งนี้ก็เป็นได้  จากนั้นทางเจ้าของบ้านได้มาทำการปรับปรุงบ้านขึ้นมาใหม่  แล้วก็กลับมาทำการลักใช้ไฟฟ้าจนมาถูกตรวจจับได้ในครั้งนี้   และเกิดการสงสัยจากเสียงที่ดังโดยไม่มีคนพักอาศัยอยู่ในบ้าน ชาวบ้านจึงได้แจ้งไปยังทางเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้า ทางเจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจสอบพร้อมขอหมายศาล จนพบว่าบ้านดังกล่าวมีการลักลอบการใช้ไฟฟ้า

 

พร้อมกันนี้ภายในบ้านยังพบอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการกระทำผิดอยู่เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการตรวจยึดทั้งหมด ส่งไปทำการตรวจสอบว่า อุปกรณ์เหล่านี้ ใช้ประกอบการ กระทำผิดในรูปแบบใดบ้างต่อไป