คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์  เศรษฐช่วย

กระบวนการพิจารณาคดีอาญา 34   ข้อหาที่กำลังดำเนินต่อ “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” นับเป็นคดีประวัติศาสตร์ทางการเมืองของสหรัฐฯ โดยเริ่มขึ้นแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 15 เมษายน 2024 ที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่วันนี้

และถึงแม้ว่าจะเป็นแค่เพียงหนึ่งในสี่คดีที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์กำลังเผชิญอยู่ก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวปฏิเสธในทุกๆข้อหา!!!

สืบเนื่องมาจาก “อัยการอัลวิน แบรกก์” ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในเขตนครแมนฮัตตัน รัฐนิวยอร์ก โดยท่านอัยการเป็นโจทก์กล่าวหาต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์ว่า “จ่ายเงินปิดปากเรื่องที่เคยอี๋อ๋อมีสัมพันธ์ทางเพศ (Hush-money) ให้แก่“สตอร์มี แดเนียลส์” ดาราสาวดาวโป๊ เพื่อมิให้ออกมาป่าวประกาศโพนทะนาในที่แจ้ง ถึงเรื่องที่เคยกินกันในที่ลับ”  

ซึ่งข่าวนี้เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีปีค.ศ. 2016 ด้วยซ้ำไป ทั้งนี้กลยุทธ์ของประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อต้องการจะหลีกเลี่ยง เพื่อเอาตัวเองรอดจากกระบวนไต่สวนในขณะนี้ โดยเขาได้สั่งให้ทีมทนายความของเขายื่นอุทธรณ์ต่อศาลถึงสี่ครั้งสี่คราด้วยกัน แต่กลับปรากฏว่าถูกปฏิเสธในทุกๆคำอุทธรณ์จาก “ผู้พิพากษาฮวน เมอร์ชาน”  ซึ่งท่านมีเชื้อสายโคลัมโบ ที่ท่านอพยพเข้าสหรัฐฯเมื่อตอนอายุ 6 ขวบตามบิดาที่เคยรับหน้าที่ทหาร

โดยลำดับแรกของการดำเนินพิจารณาคดีเริ่มต้นด้วยการคัดเลือกคณะลูกขุนหลัก 12 คน และลูกขุนสำรองอีก 6 คน จากจำนวนผู้ที่ในข่ายการเลือกเฟ้น 96 คน แต่ถอนตัวออกไปเสียส่วนใหญ่ อาจจะเป็นเพราะต่างเกรงกันว่าจะไม่วางตนเป็นกลาง

เนื่องจากประเด็นหลักๆในการคัดเลือกคณะลูกขุน ผู้ที่จะได้รับเลือกจะต้องมีความเป็นกลาง ต้องเปิดใจกว้าง ที่สิ่งที่สำคัญที่สุดจะต้องเป็นผู้มีความยุติธรรม!!!

และในท้ายที่สุดเมื่อวันศุกร์ที่ 19 เมษายน 2024 การเลือกคณะลูกขุน 12 คนและคณะลูกขุนสำรองอีก 6 คนก็สำเร็จเสร็จสิ้นลง และถึงแม้ว่าผู้พิพากษาฮวน เมอร์ชาน จะเคร่งครัดในเรื่องของบรรดาคณะลูกขุนอย่างปิดเงียบเป็นความลับก็ตาม แต่กลับปรากฏว่า “หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส” พยายามทั้งล้วงทั้งควักจนได้เรื่องราวและออกมารายงานถึงชีวประวัติของคณะลูกขุน 12 คน ให้แก่ชาวอเมริกันได้รับทราบคร่าวๆกันดังนี้

ลูกขุนคนที่ 1 มีอาชีพเป็นพนักงานขาย และถึงแม้ว่าลูกขุนท่านนี้จะติดตามข้อกล่าวหาของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์จากการรายงานของบรรดาสื่อมวลชนมาตลอดก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าเขามิได้ปักใจเชื่อว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะกระทำผิดตามข้อกล่าวหา แถมผู้พิพากษายังได้แต่งตั้งให้ลูกขุนท่านนี้เป็นหัวหน้าคณะลูกขุนทั้งหมดอีกด้วย

ลูกขุนคนที่ 2 มีอาชีพด้านการเงิน และลูกขุนท่านนี้ได้ออกกับมากล่าวในทำนองเดียวกับลูกขุนท่านแรกว่า มิได้ปักใจเชื่อว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์กระทำความผิดจริง

ลูกขุนคนที่ 3 มีอาชีพทำงานทางด้านกฎหมาย แต่ก็มิได้ติดตามข่าวคราวเกี่ยวกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์มากนัก

ลูกขุนคนที่ 4 มีอาชีพเป็นวิศวกร มิได้ติดตามเรื่องข้อกล่าวหาต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์มากนักและยังไม่ได้ปักใจอย่างใดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับประธานาธิบดีทรัมป์

ลูกขุนคนที่ 5 ทำงานทางด้านการศึกษา เป็นผู้ที่ไม่ค่อยสนใจข่าวสารการเมือง และไม่ค่อยทราบประวัติของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์มากเท่าใดนัก

ลูกขุนคนที่ 6 มีอาชีพด้านเทคโนโลยี และไม่ค่อยติดตามข่าวสารการเมือง

ลูกขุนคนที่ 7 ยึดอาชีพทนายความ แต่กลับไม่ทราบอุปนิสัยของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ แต่กล่าวว่า มีมุมมองต่อประธานาธิบดีทรัมป์หลายแง่หลายมุมด้วยกัน

ลูกขุนคนที่ 8 ยึดอาชีพทางด้านการเงิน และมิได้มีความเชื่ออย่างใดอย่างหนึ่งตามรายงานของสื่อมวลชน แต่ก็ยินดีที่จะวางตัวเป็นกลาง

ลูกขุนคนที่ 9 ยึดอาชีพทางด้านการศึกษา รู้แต่เพียงว่า โดนัลด์ ทรัมป์ เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และกล่าวว่าจะเปิดใจกว้างรับฟังทุกๆฝ่าย

ลูกขุนคนที่ 10 เป็นนักธุรกิจ แต่มิได้ติดตามข่าวคดีความของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์มากเท่าใดนัก และยังไม่มีความคิดเห็นที่ชัดเจนเกี่ยวกับคดีนี้

ลูกขุนคนที่ 11 เป็นผู้จัดการผลิตภัณฑ์ และยังไม่มีความคิดเห็นที่แน่ชัดเกี่ยวกับคดีของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์

ส่วนลูกขุนคนที่ 12 ทำงานทางด้านการดูแลสุขภาพ โดยเธอบอกว่า ชอบฟังดนตรีสดและชอบเดินป่าเป็นงานอดิเรก

อย่างไรก็ตามคณะลูกขุนทั้ง 12 คนนี่แหละ คือผู้ที่จะตัดสินชี้ชะตากรรมทางการเมืองของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าจะได้ไปต่อหรือจะหยุดสต็อปพอแต่เพียงเท่านี้!!!

ทั้งนี้หากมีลูกขุนเพียงแค่คนเดียวที่เสียงแตกไม่เห็นด้วยอย่างเป็นเอกฉันท์ เขาก็จะรอดจากการโดนดำเนินคดีอย่างแน่นอนโดยประเด็นหลักๆจะอยู่ที่ว่า ทีมทนายความของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์จะงัดเอากลยุทธ์ใดออกมาใช้หว่านล้อมให้เกิดการไม่เห็นพร้องต้องกัน จนเกิดเสียงแตกในคณะลูกขุนแค่เพียงเสียงเดียวเท่านั้น ที่เรียกกันว่า “Hung Jury” หากจะดูถึงสถานการณ์ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังวิ่งรอกเข้าออกศาลเป็นว่าเล่นอยู่ในขณะนี้ ดูเหมือนว่าเขาขาดเสรีภาพแทบทุกๆทาง โดยเขาจะต้องอยู่ในความควบคุมของผู้พิพากษาตลอดเวลา แน่นอนว่าเขาคงจะต้องมีความอึดอัดใจไม่น้อยเลยทีเดียว และเขามักจะโวยวายและเอ่ยปากวิพากษ์วิจารณ์ผู้พิพากษาอยู่เสมอๆว่าควบคุมเขาเหมือนดั่งกับสุนัข!!!

คราวนี้เราลองหันไปฟังความคิดเห็นจากผลการหยั่งเสียงของสำนักข่าวเอพี เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2024 ซึ่งปรากฏว่าหนึ่งในสามของชาวอเมริกันต่างลงความเห็นว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ กระทำผิดต่อข้อกฎหมายจริงๆ แต่ก็ยังมีชาวอเมริกันหนึ่งในสามที่ยังอยู่ในข่ายคลางแคลงใจสงสัยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะได้รับความเป็นธรรม และได้รับความเป็นกลางจากอัยการ หรือจากผู้พิพากษา และคณะลูกขุนหรือไม่?

กระนั้นก็ตามจากการหยั่งเสียงของสำนักข่าวเอพียังระบุต่อไปว่า มีชาวอเมริกันอีกครึ่งหนึ่งคิดเห็นว่า อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี หากเขาถูกตัดสินว่ากระทำความผิดจริงๆ และจากความคิดเห็นของสมาชิกในค่ายพรรคเดโมแครตถึง 81% เล็งเห็นว่า หากคณะลูกขุนลงความเห็นว่าประธานาธิบดีทรัมป์กระทำความผิดจริงๆ ก็ไม่มีความเหมาะสมในตำแหน่งประธานาธิบดี และผู้ที่สังกัดอยู่ในค่ายพรรครีพับลิกันที่มี 58% ก็ได้ออกมาให้ความคิดเห็นเช่นเดียวกันว่า หากคณะลูกขุนพิจารณาว่าประธานาธิบดีทรัมป์ผิดจริง ก็ไม่มีความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

สำหรับผู้ที่มีสังกัดพรรคหรือกลุ่มอิสระ 47% เล็งเห็นว่าหากอดีตประธานาธิบดีทรัมป์มีความผิดตามเสียงของคณะลูกขุนจริงๆ  ประธานาธิบดีทรัมป์ก็ไม่เหมาะสมในตำแหน่งประธานาธิบดี

กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นอย่างน้อยๆสองหรือสามเดือนข้างหน้าเราถึงจะได้รับทราบว่า ชะตากรรมของ “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” จะออกมาในรูปหัวว่า เขากระทำผิดจริงๆ หรือจะออกในรูปก้อยว่า เขามิได้กระทำความผิด ซึ่งขั้นตอนสุดท้ายคงจะอยู่ที่การพิจารณาของลูกขุนทั้งสิบสองคน และหากคนหนึ่งคนใดไม่เห็นด้วยกับอีกสิบเอ็ดคน ซึ่งจะถือเป็นเสียงแตกที่ไม่เป็นเอกฉันท์หรือที่เรียกว่า “Hung Jury” ก็จะทำให้อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ รอดสามารถหลุดพ้นจากความผิด โดยทีมทนายความของเขาจะต้องใช้ความเพียรพยายามในทุกๆวิถีทาง เพื่อดิสเครดิตบรรดาพยานของฝ่ายอัยการ มิเช่นนั้นแล้วเขาคงจะต้องมีความผิดและได้รับโทษติดคุกเข้าไปนอนอยู่ในมุ้งสายบัวละครับ