วันที่ 1 พ.ค.2567 เวลา 10.00 น. ที่ การท่าเรือแห่งประเทศไทย คลองเตย กทม. อดีตพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทยจำนวนกว่า 100 คน พร้อมนายกฤษฎา อินทามระ ฉายาทนายปราบโกง ถือโอกาสวันเมย์เดย์ หรือวันแรงงานแห่งชาติ เดินทางมาวางพวงหรีด แสดงกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ตอบโต้การกระทำอย่างไร้มนุษยธรรมของ อดีตผู้บริหารการท่าเรือแห่งประเทศไทย ที่กลั่นแกล้งร้อง ดีเอสไอ.ดำเนินคดีพิเศษกับพวกเขามาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 10 ปี โดยที่พวกเขาไม่มีโอกาสตอบโต้ ถูกสังคมตลอดจนญาติพี่น้องตราหน้าว่าเป็น“ไอ้ขี้โกง” ทั้งที่ไม่ได้ทำตามที่อดีตผู้บริหารกล่าวหาแต่ประการใด 

จนปี 2566  ดีเอสไอ ส่งฟ้องอดีตพนักงานการท่าเรือฯ เหล่านี้จากเพียง 34 รายจากทั้งหมด 500 กว่าราย ซึ่งยังรออัยการสูงสุดเลื่อนฟังคำสั่งมาแล้วร่วม 10 ครั้งนานกว่า 1 ปี จนสุดท้ายการท่าเรือฯ ขอยุติคดี แต่ไม่เอ่ยถึงค่าเยียวยาที่เขาเหล่านี้ต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสตลอดเวลาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพวกเขาแต่อย่างใด จึงเป็นที่มาของการไว้อาลัยในวันนี้

โดย ทนายกฤษฎา กล่าวว่า เมื่อเห็นภาพทั้งหมดแล้ว พวกเราจะชี้ให้คนทั้งประเทศเห็นถึงความโหดร้ายป่าเถื่อนของผู้บริหาร คือ เมื่อเดือน ส.ค.60 เรือตรีทรงธรรม รักษาการผู้อำนวยการ กาท่าเรือ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า จะเร่ง กก.สอบสรุปคดีโกงค่าล่วงเวลา 3,000 ล้านบาทให้เสร็จภายใน 15 ก.ย.60

ซึ่งตนขอถามว่า ในระหว่างสอบสวนคดีโกงบันลือโลก 3,000 ล้านบาทนี้ การท่าเรือจ่ายเบี้ยขยันและโบนัสให้พวกเราทุกคนที่มีชื่อถูกกล่าวหาว่าโกงหรือไม่ ทุกคนตอบว่าจ่ายโดยได้รับเบี้ยขยันและโบนัสทุกปี

แต่เมื่อมาดูระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการลงโทษพนักงาน พ.ศ.2561 ข้อ 20 วรรคสาม ระบุว่า ในรหว่างดำเนินการสอบสวนทางวินับให้งดจ่ายเงินที่ผู้ถูกกล่าวหาพึงจะได้รับตามสิทธิคือ เบี้ยขยันและโบนัส เมื่อเป็นเช่นนี้ขอถามกลับไปยังการท่าเรือว่า ในเมื่อกาท่าเรือกำลังสอบสวนพวกเราหาว้าโกงโอที 3,000 ล้านบาทไฉนเลยจึงยอมจ่ายเบี้ยขยันและโบนัสให้พวกเราอีก หรือว่าเป็นเพราะผลการสอบสวนออกมาเมื่อวันที่ 15 ก.ย.60 แล้วว่าพวกเราไม่ได้โกง การท่าเรือจึงยอมจ่ายเบี้ยขยันและโบนัสให้พวกเราได้โดยไม่ผิดระเบียบข้างต้น

เมื่อย้อนกลับมาดูในคดีพิเศษของดีเอสไอ ซึ่งการท่าเรือเป็นผู้ก่อขึ้น ปรากฎว่า การท่าเรือเป็นผู้กล่าวหา นายจงเด่นกับพวกรวม 34 คนเป็นคดีอาญา โดยดีเอสไอ ออกหมายเรียกผู้ต้องหา 34 คนให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาและถูกพิมพ์มือในวันที่ 17 พ.ค.65 จึงขอถามกาท่าเรือว่า ในเมื่อ 34 คนถูกตกเป็นผู้ต้องหาแบบเต็มตัวแล้ว การท่าเรือยังจ่ายเบี้ยขยันและโบนัสให้ 34 คนหรือไม่ โดยได้รับคำตอบว่าจ่ายให้ทุกคนตลอดมาตั้งแต่ปี 61 ถึง ปี 67 

ทั้งนี้ ทนายกฤษฎา กล่าวโดยสรุป ว่า  การท่าเรือเป็นองค์กรนายจัางที่แย่มากเพราะกลั่นแกล้งใส่ร้ายพวกเราว่าโกงกันแบบบันลือโลกรวมเป็นเงิน 3,000 ล้านบาทหนำซ้ำยังให้ ดีเอสไอ ตามล่าพวกเราส่งผลให้พวกเรามีคดีอาญาติดตัวมาจนทุกวันนั้  ดังนั้นจึงขอใช้สิทธิในวันแรงงานแห่งชาติปีนี้ประณามการกระทำของการท่าเรือด้วยการนำพวกหรีดไปวางไว้ที่ป้ายชื่อการท่าเรือและยืนสงบนิ่งเพื่อเป็นการไว้อาลัยต่อการจากไปของเพื่อนผู้ใช้แรงงานที่ถูกกระทำในคดีพิเศษของดีเอสไอโดยการท่าเรือเป็นผู้วางแผนเล่นงานผู้บริสุทธิ์ แต่ถ้ากูรู กฎหมาย การันตี  การแจกเงินเบี้ยขยันและโบนัสให้พวกเราในข่วงเป็นคดีพิเศษไม่ผิดระเบียบ ย่อมหมายถึงคดีพิเศษต้องเน่าทันทีเพราะย้อนแย้งกับระเบียบดังกล่าวและต้องกลายเป็น แจ้งความเท็จในคดีพิเศษจึงผิดชัดเจน