เมื่อวันที่ 5 พ.ค.67 นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความโครงการแจกเงินดิจิตอล : ทรยศและลวงโลก ? มีเนื้อหาดังนี้
                                                                                                                                                                            
ถาม การแจกเงินชาวบ้านคนละ ๑ หมื่น   จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงไหม?
ตอบ คุณเป็นโรคขาดเลือด เพราะไขสันหลังไม่ทำงานผลิตเม็ดเลือดแดงให้เพียงพอ พอเม็ดเลือดแดงมีน้อย การขนส่งอ๊อกซิเจน กับธาตุอาหาร ไปยังเซลล์ต่างๆทั่วร่างกายก็ไม่เพียงพอตามไปด้วย   ร่างกายก็เสื่อมทรุดถึงตายได้ในที่สุด     
นี่คือ “วิกฤต” ที่พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าเกิดขึ้นแล้ว  ต้องเร่งเติมเงินเติมเลือดเข้าไปโดยด่วน    

ถาม แล้วมันสมเหตุผลหรือไม่
ตอบ นักวิชาการเขาก็ยังเถียงกันอยู่  แต่ที่ฟังแล้วผมเห็นด้วยเลยนั้น ก็คือความเห็นที่ว่า งานนี้ คนไข้ขาดเลือด ก็ต้องเอาเลือดใหม่เข้ามาเติม ไม่ใช่ดูดเลือดจากแขนซ้าย ไปอัดใส่แขนขวาแบบนี้   ทำอย่างนี้มันไม่ใช่การเติมเม็ดเลือดใหม่ให้ร่างกาย   มันไม่มีผลสร้างสุขภาพใหม่ขึ้นมาได้

ถาม มันเป็นการดูดเลือดแขนซ้ายไปใส่แขนขวา ยังไงครับ
ตอบ คือที่มาของเงินแจกในครั้งนี้  มันเป็นเงินเดิมเลือดเดิมที่มีในวงจรเศรษฐกิจอยู่แล้ว  อยู่ในงบประมาณ ปี ๒๕๖๗ และ ๒๕๖๘ รวมกว่า ๓.๗ แสนล้าน และถ้าเอามาจาก ธกส.จริงอีก ๑.๓ แสนล้าน วงเงินก้อนนี้ก็เป็นเงินที่ ธกส.เขามีและจะให้กู้ช่วยการประกอบการของเกษตรกรอยู่แล้ว  มันจึงไม่ใช่เลือดใหม่อะไรทั้งสิ้น

ถาม เหตุผลเพียงเท่านี้ ก็ไปหาว่าเขาทุจริตลวงโลก เลยเชียวหรือ
ตอบ มันไม่ใช่ “เพียงเท่านี้” นะครับ  คุณไม่เห็นหรือว่า   มันมีการละเว้นหน้าที่  ไม่เร่งรัดผ่านงบประมาณ ปี ๒๕๖๗ เช่นที่ควรจะเป็น  งบปี ๖๗ พึ่งประกาศราชกิจจา ในพฤษภาคม นี้เอง    มีเวลาใช้งบลงทุนเหลืออยู่แค่ ๖ เดือน เท่านั้น รับรองว่าผูกมัดหาคู่สัญญาไม่ทันแน่นอน พอพ้นตุลาไปแล้ว ใช้มติ ครม.ผลักเงินที่เหลือจ่าย เข้าโครงการดิจิตอลได้ทั้งหมดเลย

ถาม อาจารย์กล่าวหาว่า เขามีเจตนาประวิงให้งบประมาณ ปี ๖๗ ผ่านล่าช้าเลยเชียวหรือ
ตอบ ถ้าสุจริต ก็ควรต้องเร่งรัดได้เร็วกว่านี้    เป็นรัฐบาลเมื่อ กันยายน ๒๕๖๖   ก็ควรเปิดสภาวิสามัญลุยผ่านงบให้เสร็จได้ในสิ้นธันวา ก็ไม่ทำ   เอื่อยเฉื่อยไปเรื่อยๆ จนเวลาหายไปอีก  ๔ เดือน วันนี้เหลือเวลาเพียง ๖ เดือนเท่านั้น

ถาม ให้ทุกส่วนราชการเร่งใช้ เร่งหาคู่สัญญามาผูกมัดงบประมาณให้หมด ไม่ได้หรือ
ตอบ ผมถามพรรคพวกในกระทรวงคลังแล้ว เขาบอกว่าไม่มีทางทัน   และที่สำคัญเขาไม่เห็นมาตรการเร่งรัดเช่นที่ควรจะเป็นเลย  

ถาม รัฐบาลที่รู้งาน ควรจะเร่งรัดอย่างไร
ตอบ ถ้าสุจริตตรงไปตรงมาจริงๆ   ต้องมีมติ ครม.โดยพลัน วางมาตรการเร่งรัด เอาไปใช้บังคับในงบทุกรายการ ทุกส่วนราชการเลย   ขั้นตอนหาคู่สัญญาที่ไม่จำเป็นก็ใช้มติ ครม.ยกเว้นเสียให้หมด   ทุกรายการงบประมาณต้องมีแผนปฏิบัติการผูกมัดงบประมาณ เห็นเป็นแผนเวลาชัดเจน  โดยต้องรายงานทุกเดือนว่าคืบหน้าตามแผนหรือไม่  ถ้าล่าช้าต้องรายงานพร้อมเสนอมาตรการแก้ไขมาด้วย   

ถาม แล้ววันนี้ เขาไม่เร่งกันเลยหรือครับ
ตอบ เพื่อนผมบอกว่า   ดีไม่ดีน่าจะแอบส่งสัญญาณห้ามเร่งรีบซะด้วยซ้ำไป คุณดูอาการในงบกระทรวงคมนาคมให้ดีๆก็แล้วกัน

ถาม ถ้าเตะถ่วงได้เต็มที่จริงๆ เงินจะเหลือพอโครงการดิจิตอลไหม
ตอบ เขาพูดกันว่า  เหลือได้ถึง ๓ แสน เลยทีเดียว เติมงบกลางอีกหน่อย  ก็ไม่ต้องไปกู้ ธกส.หรอกครับ

ถาม หมายความว่า  ที่รัฐบาลบอกจะกู้ ธกส. ๑.๓ แสนล้านนั้น มันเป็นโคมลอย ที่หลอกให้ผู้คนหลงทางโจมตีกันไป อย่างนั้นหรือ
ตอบ ครับ เป็นไปได้อย่างยิ่ง ผมดูทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจชุดใหม่นี่ เขามีดีเอ็นเอ เดียวกันทั้งนั้น  สามารถจะร่วมมือกันดึงงบได้ดีทีเดียว

ถาม ถ้าเป็นจริงอย่างที่เราสงสัย  พฤติการณ์จงใจใช้งบล่าช้าเพื่อแปลงงบแผ่นดินเป็นงบดิจิตอลอย่างนี้  จะมีความผิดหรือไม่ครับ
ตอบ เป็นการละเว้นไม่ปฏิบัติราชการโดยสุจริต มุ่งประโยชน์ทางการเมืองที่มิควรได้ ทำให้เศรษฐกิจบ้านเมืองเสียหายงบแผ่นดินไม่ถูกเร่งผลักดันออกมาใช้ในเวลาอันควร จนบ้านเมืองขาดเงินหมุนเวียนเป็นแสนล้านกว่า ๖ เดือน    

ถาม ฟังดูเหมือน ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต นะครับ
ตอบ ในทางกฎหมายยังเถียงกันได้ แต่ในทางการเมือง ถูกตราหน้าว่า “ลวงโลก” และ“ทรยศต่อหน้าที่” ได้แน่นอน    

ก็ไม่เป็นไรครับ....บ้านนี้เมืองนี้ “ประชาชน”มีไว้หลอกลวงและป้อนอาหารเม็ดอยู่แล้ว
                                                      


#แก้วสรรอติโพธิ #ดิจิทัลวอลเล็ต #ข่าววันนี้