พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ติดตามผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม และ เร่งรัดคดีคนร้ายก่อความไม่สงบพื้นที่ภาคใต้ ด้วยระหว่าง วันที่ 10 - 12 ส.ค. 59 ได้มีคนร้ายกระทำความผิดหลายพื้นที่ในเวลาใกล้เคียงกัน โดยลอบวางวัตถุระเบิดเพลิง และวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง ในร้านค้าห้างสรรพสินค้า และแหล่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเขตพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์, จ.สุราษฎร์ธานี,จ.ภูเก็ต, จ.พังงา, จ.กระบี่, จ.นครศรีธรรมราช และ จ.ตรัง เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย ทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 544/2559 ลงวันที่ 12 ส.ค.59 แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนและเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.เป็นหัวหน้า รับผิดชอบการสืบสวน สอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี ต่อมา วันนี้ (17 พ.ย.59) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.สนธิ นวกุล รอง ผบ.ศรภ. พร้อมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้เดินทางมาที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ติดตามผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมของ ภ.จว.นครศรีธรรมราช โดยเฉพาะการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนอาวุธสงคราม วัตถุระเบิด และยาเสพติดให้โทษ เพื่อป้องกันการกระทำความผิดร้ายแรงหรือความผิดเกี่ยวเนื่อง โดยกำหนดให้มีการระดมกวาดล้าง ตั้งแต่วันที่ 1-13 พ.ย.59 สำหรับผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ปรากฏตามเอกสารที่แนบ 2. ส่งสำนวนการสอบสวน คดีอาญาที่ 1222/2559 ลงวันที่ 12 ส.ค.59 ของ สภ.เมืองตรัง ต่อพนักงานอัยการศาลมณฑลทหารบกที่ 43 โดยมีความความเห็นควรสั่งฟ้อง นายอับดุลกอเดร์ สาแล๊ะ ผู้ต้องหา กับพวก ซึ่งได้กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์ที่เป็นโรงเรือนอันเป็นที่เก็บหรือทำสินค้า, ร่วมกันมีวัตถุระเบิดซึ่งใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียน ไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย, ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ที่เป็นโรงเรือนอันเป็นที่เก็บหรือทำสินค้า, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และเป็นอั้งยี่” เหตุเกิดที่ ห้างลีมาร์ทซุปเปอร์ค้าส่ง ถ.หน้าสถานี ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง เมื่อวันที่ 12 ส.ค.59 สำหรับผู้กระทำความผิดหรือคนร้ายที่ยังหลบหนีเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้บูรณาการประสานความร่วมมือเพื่อเร่งรัดติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี และได้เพิ่มความเข้มในมาตรการป้องกันเหตุ จึงขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้วิตกกังวลและใช้ชีวิตตามปกติ ทั้งนี้หากมีข้อมูลหรือเบาะแสคนร้ายขอความร่วมมือแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบได้ทั้งที่สถานีตำรวจ, ตำรวจภูธรจังหวัด, ตำรวจภูธรภาคหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ