"เผ่าภูมิ" เผยรัฐบาลยังไม่มีนโนยบายแก้กฎหมาย"แบงก์ชาติ" โยกเงิน FIDF เล็งหาทางคุย ธปท.เพิ่ม ส่วนเป้าหมายเงินเฟ้อ 1-3% มองว่าเหมาะสมแต่ต้องหาทางให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบ ต้องหารือกับธปท.ในเรื่องนี้ด้วย เตรียมประชุม "ดิจิทัลวอลเล็ต" สัปดาห์นี้ ด้าน นายกฯ เชื่อมั่น "รมว.คลัง"คนใหม่ เคลียร์ใจผู้ว่าฯธปท.สนองนโยบายรัฐบาล เพื่อลดความขัดแย้งได้

 เมื่อวันที่ 7 พ.ค.67 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกระแสการแก้ไข พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศ ว่า รัฐบาลยังไม่มีแนวคิดเรื่องนี้ ส่วนเรื่องของการแก้ไขให้มีการนำเอาหนี้ที่อยู่ในเงินกองทุนฟื้นฟูสถาบันการเงินฯ (FIDF) ไปอยู่ในบัญชีของธปท.นั้น รัฐบาลก็ยังไม่มีแนวคิดเรื่องนี้เช่นกัน เมื่อถามว่า ในอนาคตมีแนวคิดดำเนินการเรื่องนี้หรือไม่ นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า เรื่องนี้อาจจะต้องหารือกันอีกทีถึงสถานการณ์ในอนาคตแต่ตอนนี้รัฐบาลยังไม่มีแนวคิดเรื่องนี้
 ยังไม่มีแนวนโยบายสำหรับเรื่องนี้ มีกระแสข่าวออกมาแต่เรายังไม่ได้มีการหารือกัน ส่วนความเหมาะสมก็ต้องหารือแต่ยังไม่มีนโยบายในปัจจุบัน


 ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องการทำงานร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แนวทางจะเป็นอย่างไร นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า จะมีการหารือกับ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เกี่ยวกับการหาช่องทางในการพูดคุยกับธปท.มากขึ้น ซึ่งตรงนี้ก็คงจะมีการนัดหมายเวลากัน


 เมื่อถามถึงกรณีของเรื่องเป้าหมายเงินเฟ้อที่กำหนดไว้ที่ 1- 3% ต่อปี จะต้องมีการทบทวนหรือไม่ นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ในส่วนนี้ก็ต้องหารือร่วมกับธปท.แต่มองว่ากรอบที่ 1-3% ไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือการที่เงินเฟ้อหลุดกรอบ ไม่อยู่ในเป้าหมายเป็นระยะเวลานานอาจจะกระทบกับเศรษฐกิจได้ในระยะยาว ก็ต้องมาคุยกันว่าทำอย่างไรให้เงินเฟ้อกลับมาอยู่ในกรอบได้


 สำหรับเรื่องของการแบ่งงานในกระทรวงการคลังนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับนายพิชัยเรื่องการแบ่งงาน โดยเฉพาะการดูแลโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านระบบดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจะชัดเจนภายในเร็วๆ นี้ ว่าใครจะดูแลงานในด้านไหน แต่ทั้งนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน และต้องดูความเชี่ยวชาญของรัฐมนตรีช่วยฯ แต่ละคน ซึ่งความสามารถ และความเหมาะสมที่แตกต่างกัน


 ส่วนกรณีที่นายพิชัยระบุหลังจากนี้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะถือเป็นงานประจำของกระทรวง และจะชี้แจงให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่องนั้น นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า สำหรับเรื่องนี้ต้องทำงานร่วมกันเป็นทีม ทั้งรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยฯ ทั้ง 3 คน ซึ่งทุกคนจะต้องเข้ามาดูแลในเรื่องนี้ เพื่อที่จะดูแลในทุกแง่มุมของโครงการฯ

 พร้อมกับมองว่า ที่ผ่านมาการสื่อสารของโครงการฯ นี้ ได้สื่อสารกับประชาชนอย่างต่อเนื่องว่า รัฐบาลกำลังดำเนินการในด้านไหน และติดปัญหาในด้านใด ซึ่งการชี้แจงบ่อย ก็จะช่วยสร้างความชัดเจน และไม่มีข้อกังขาในสังคม ซึ่งก็เป็นผลดีต่อรัฐบาล และการขับเคลื่อนโครงการฯ ด้วย และภายหลังมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ก็เตรียมที่จะมีการประชุมคณะคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านระบบดิจิทัลวอลเล็ต ภายในสัปดาห์นี้


     ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 7 พ.ค.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังนำคณะรัฐมนตรี (ครม.) และรัฐมนตรีใหม่ถ่ายภาพหมู่ร่วมกันถึงกรณีที่นายพิชัยเตรียมหารือกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ว่า คิดว่าทุกความเคลื่อนไหวมันทำให้ลดความขัดแย้ง เป็นเรื่องที่เหมาะสม และเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำ


 ผู้สื่อข่าวถามว่า เชื่อมั่นนายพิชัยหรือไม่ว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยตอบสนองนโยบายของรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า มั่นใจเพราะอย่างน้อย 2 ฝ่ายมีความพยายาม ก็เป็นเรื่องที่ดี