จากกรณีที่นางสุพัตรา หรือยายสุข อายุ 75 ปี อาชีพแม่ค้าขายข้าวไข่เจียว เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ หลังจากเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 พ.ค. 67 ขณะขายข้าวไข่เจียวอยู่ที่ร้าน บริเวณอาคารบางใหญ่ซิตี้ ตึกB ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ถูกชายไม่ทราบชื่อ 2 คน ขับรถกระบะไม่ทราบยี่ห้อ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เข้ามาจอดที่หน้าร้านก่อนจะเดินเข้ามาทวงเงินที่หน้าร้าน และใช้โทรศัพท์มือถือตบเข้าที่หน้าอย่างแรง 1 ครั้ง จนฟกช้ำ และกระชากเสื้อจนล้มลง พร้อมท้าให้ไปแจ้งความที่โรงพักและพยายามจะดึงตัวยายสุขขึ้นรถ แต่ยายสุขขัดขืนไม่ยอมขึ้นรถไปกับชายคนดังกล่าวเพราะกลัวว่าจะถูกพาไปทำร้ายที่อื่น ก่อนชายคนดังกล่าวจะพังข้าวของที่ร้านจนเละเทะ และถ่มน้ำลายใส่ พร้อมข่มขู่ว่าถ้าเปิดร้านอีกก็จะเข้ามาพังร้านอีก

นางสุพัตรา หรือยายสุข เล่าว่า ตนเคยไปกู้เงินนอกระบบมาจำนวน 5,000 บาท ส่งดอกลอย กับคนชื่อก้อง ตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย. 66 โดยจ่ายค่าดอกเบี้ยอย่างเดียววันละ 100 บาท ไม่รวมเงินต้น และได้ส่งดอกทุกวันมาตลอดหลายเดือน จนกระทั่งเมื่อช่วงเดือน พ.ย.- ธ.ค. ของปีที่แล้ว ไม่แน่ใจว่าเดือนไหนเพราะจำไม่ค่อยได้ เขามีโครงการประนอมหนี้ ตนจึงได้นัดกับทางเจ้าหนี้ไปที่ศูนย์ดำรงธรรมเพื่อขอให้เขายกเลิกดอกเบี้ยให้ และจะขอจ่ายเงินต้นเพราะที่ผ่านมาตนก็จ่ายดอกทุกวันรวมๆแล้วก็เกือบ 20,000 บาท แต่ทางเจ้าหนี้ไม่ยอมมาตกลงกัน และไม่ได้เข้ามาเก็บเงินตั้งแต่นั้นมา ตนจึงไม่ได้ส่งดอกตั้งแต่ช่วงนั้นเป็นต้นมา จนมาเมื่อช่วงบ่ายโมงวันนี้ ก็มีผู้ชาย 2 คนขับรถกระบะ สีขาว มาจอดที่หน้าร้านและเดินเข้ามาถามว่าต้องการเงินไหม แต่เขามองหน้าตนและบอกว่าหน้าคุ้นๆ เลยโทรหาใครก็ไม่รู้ให้ช่วยเช็ค แล้วเขาก็บอกว่าตนเคยกู้เงินจากเขาไปแล้วรอบนึง และบอกว่าตัวเขาเป็นเจ้าของเงินที่ตนไปกู้มา แล้วเขาก็เดินเข้ามาในร้านค้นกระเป๋า เอามือล้วงเข้าไปในเอี้ยมหาเงิน ตนก็บอกแล้วว่าไม่มีๆ เขาก็ไม่ยอมหยุด แล้วก็เอาโทรศัพท์มือถือตบเข้ามาที่หน้าตน 1 ครั้ง และกระชากเสื้อบอกว่าไปเจอกันที่โรงพัก และพยายามจะลากไปขึ้นรถแต่ตนกลัวจึงบอกไปว่าเดียวไปเอง เพราะไม่รู้ว่าเขาจะพาไปโรงพักจริงหรือไม่หรือจะพาไปที่อื่นก็ไม่รู้ ซ้ำยังเดินไปหน้าร้านทำลายข้าวของและถุยน้ำลายใส่ข้าวที่วางขายอยู่หน้าร้าน ซึ่งตอนนั้นก็มีลูกค้านั่งกินข้าวอยู่ และยังข่มขู่อีกว่าถ้าไม่ได้เงินวันไหนเปิดร้านก็จะเข้ามาพังร้านอีก 

นางสุพัตรา หรือยายสุข กล่าวต่ออีกว่า ทุกวันนี้ตนต้องหาเงินเลี้ยงลูกชาย อายุ 50 ปี ที่พิการขาขวาขาดเพียงลำพัง บางวันขายของได้ไม่ดี ก็ยอมรับว่ามีไปกู้เงินเจ้าอื่นๆอีกหลายเจ้า แต่เจ้าหนี้คนอื่นเขาเข้าใจ ให้ส่งวันละ 20-50 บาท วันไหนเราไม่มีเราก็บอกเขา เขาก็เข้าใจไม่เคยมาหาเรื่องหรือมาทำลายข้าวของแบบนี้ ทุกวันนี้รายจ่ายหลายทางทั้งค่าห้อง ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าร้าน แต่ตนก็ไม่เคยคิดหนีแต่อย่างใดก็พยายามหาเงินมาใช้หนี้ให้ครบทุกคน แต่ถ้าเขาอยากได้ชีวิตตนก็ยินดียกให้เพราะตนก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว

ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (8 พ.ค.67) ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบที่ร้านนางสุพัตรา หรือยายสุข ซึ่งในวันนี้คุณยายยังคงเปิดร้านขายข้าวไข่เจียวตามปกติ ยายสุข ได้กล่าวเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า ตนไม่สามารถปิดร้านได้ เพราะต้องหาเงินเลี้ยงลูกชายที่พิการนอนติดเตียง แม้รายได้จะมีมากหรือน้อยก็ต้องหาเพื่อส่งดอกเงินกู้ให้เพียงพอ ถ้าหากเขาจะกลับมาทำร้ายอีกยายก็ทำใจ จะเอาชีวิตยายไปยายก็ยอม ยายยอมรับว่าที่ผ่านมากู้เงินนอกระบบ 10 กว่าเจ้า มีหลายเจ้าที่เห็นใจและสงสาร ก็ให้ยายผ่อนและอะลุ่มอล่วยเสมอมา มีเพียงเจ้านี้ซึ่งยายเองก็กู้มาจากคนชื่อก้อง ซึ่งตัวคนให้กู้ก็ไม่มีปัญหาอะไรหายไปนานเลย จนกระทั่งลูกน้องของเขามาทำร้ายยายเมื่อวานสองคน ตามที่เป็นข่าว ยายก็รู้สึกกลัวที่มาขายของวันนี้ ตอนนี้ทุนก็หายกำไรก็หดแต่ก่อนเคยขายกับข้าวหลายอย่างก็มาเหลือเพียงแค่ข้าวไข่เจียวเท่านั้น อยากขอความสงสารและเห็นใจจากเขาบ้างอย่ามาทำแบบนี้กับยายเลย

ขณะที่ห้องประชุมของ สภ.บางใหญ่ พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร รองผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.ท.กรณรงค์ ศุภนันทนานนท์ รองผกก.สส.สภ.บางใหญ่ พร้อมชุดสืบสวนร่วมกันประชุมถึงความคืบหน้าของคดี ใช้เวลาประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น โดย พ.ต.อ.สมพล เผยว่า คดีนี้คนก่อเหตุก่อเหตุอุกอาจทำร้ายแม้กระทั่งคนแก่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจสอบสวนเจ้าทุกข์รวมทั้งพยาน รอบข้างจนคดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว เรารู้ตัวคนก่อเหตุแล้วอยู่ระหว่างติดตามตัว มาดำเนินคดี คาดว่าจะได้ตัวในเร็ววันนี้ ส่วนยายสุขนั้นตนได้สั่งการให้ชุดสืบสวนและงานป้องกันปราบปราม สภ.บางใหญ่ หมั่นตรวจตราดูแลให้ความคุ้มครองกับยายสุข โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการพูดคุย และให้ข้อแนะนำกับยายสุข เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจในการทำมาหากิน ยายเองก็มีกำลังใจที่ดี และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมาก แต่คดีนี้ขอเวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานสักพัก หากได้ตัวคนก่อเหตุมาก็จะแจ้งข้อหาดำเนินคดีข้อหาทำร้ายร่างกาย และ พ.ร.บปล่อยเงินกู้โดยผิดกฎหมายทันที