วันที่ 8 พ.ค. 2567 ที่รัฐสภา นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เจรจากับตัวแทนจากกลุ่มชาติพันธุ์เมียนมา โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยยุติความขัดแย้งในเมียนมา ว่า ในส่วนของนายทักษิณเอง เราคงไปห้ามอะไรไม่ได้ แต่ที่ตนแปลกใจ ทั้งนายกรัฐมนตรี และกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กลับบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแน่ๆ เพราะกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

เมื่อถามเรื่องนี้ รัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ นายจุลพงศ์ กล่าวว่า รัฐบาลน่าจะทราบ แต่ก็ไม่รู้จะกำหนดบทบาทอย่างไร รัฐบาลก็ลำบาก เหมือนน้ำท่วมปาก เพราะนายทักษิณเอง ก็มีอิทธิพลในเชิงความคิดของรัฐบาลอยู่แล้ว

นายจุลพงศ์ กล่าวต่อว่า ถ้ามองกลับไป ตนสงสัย แต่ไม่ทราบว่า ประเด็นนี้จะเป็นเหตุหนึ่งที่กดดัน นายปายปรีย์ พหิทธานุกร อดีตนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือไม่ เนื่องจากนายปานปรีย์ยึดตามหลักการ ส่วนตัวจากที่มีโอกาสคุยกัน นายปายปรีย์พยายามจะสร้างสันติภาพ ด้วยการชูบทบาทอาเซียน ไม่เอาประเทศไทยแยกออกจากอาเซียน ไม่เหมือนกับรัฐบาลสมัยที่แล้ว ที่ลอบไปเจรจากับทหารเมียนมา โดยไม่บอกอาเซียน ซึ่งทำให้ประธานอาเซียนคนเก่าไม่พอใจ

เมื่อถามว่าการเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ จะผิดเงื่อนไขการพักโทษของนายทักษิณหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตนไม่รู้เงื่อนไขการพักโทษของกระทรวงยุติธรรม แต่ถ้ามองในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศภาพรวมอาเซียน ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ในการที่บุคคลหนึ่งคนซึ่งอยู่ระหว่างการพักโทษเข้าไปเจรจากับกลุ่มที่ต่อสู้กับรัฐบาลเมียนมา เพราะถ้ามองในมุมของรัฐบาลทหารเมียนมา ซึ่งกำลังต่อสู้กันสองฝ่าย แต่เรากลับไปเจรจากับกลุ่มเดียว หากรัฐบาลทหารเมียนมาไม่เห็นชอบด้วย หรือไม่พอใจ มันก็ไม่มีทางสำเร็จได้