พระบารมีปกเกล้าฯ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช : เรียนรู้ตามรอยพระยุคลบาท... สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ดร.สุทิน ลี้ปิยะชาติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนักที่สุดพระองค์หนึ่งในโลก ด้วยทรงมีพระเมตตาและพระราชปณิธานแน่วแน่ที่จะพัฒนาและยกระดับความเป็นอยู่ของพสกนิกรชาวไทยให้มีชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ กระผมขออัญเชิญและน้อมนำพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสเกี่ยวกับการพัฒนามาเป็นแนวทางปฏิบัติ เพื่อร่วมกันเป็นพลังสังคมพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคั่ง มั่นคงและยั่งยืน โดยได้รับความสนับสนุนด้านข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ดังนี้ครับ พระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานในวโรกาสเสด็จออกมหาสมาคมฯ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๙ ความตอนหนึ่งว่า“...คุณธรรมซึ่งเป็นที่ตั้งของความรัก ความสามัคคีที่ทำให้คนไทยเราสามารถร่วมมือร่วมใจกันรักษา และพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อกันไปได้ตลอดรอดฝั่ง ประการแรก คือ การที่ทุกคนคิด พูด ทำด้วยความเมตตา มุ่งดี มุ่งเจริญต่อกัน ประการที่สอง คือ การที่แต่ละคนต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ประสานงาน ประสานประโยชน์กัน ให้งานที่ทำสำเร็จผล ทั้งแก่ตน แก่ผู้อื่น และแก่ประเทศชาติ ประการที่สาม คือ การทีทุกคนประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในความสุจริต ในกฎ กติกาและในระเบียบแบบแผน โดยเท่าเทียมเสมอกัน ประการที่สี่ คือ การที่ต่างคนต่างพยายามทำความคิด ความเห็นของตนให้ถูกต้อง เที่ยงตรง และมั่นคงอยู่ในเหตุในผล...” พระบรมราโชวาทในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๓๙ ความตอนหนึ่งว่า “...การพัฒนาประเทศจะบรรลุผลตามเป้าหมายได้มากน้อยเพียงใดนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยประกอบกันหลายอย่าง. อย่างแรกต้องมีคนดี คือมีปัญญา มีความรับผิดชอบ มีความวิริยะอุตสาหะ เป็นผู้ปฏิบัติ. อย่างที่สองต้องมีวิทยาการที่ดีเป็นเครื่องใช้ประกอบการ. อย่างที่สาม ต้องมีการวางแผนที่ดีให้พอเหมาะ พอควรกับฐานะเศรษฐกิจและทรัพยากรที่มีอยู่ โดยคำนึงถึงประโยชน์อันพึงประสงค์ของประเทศและประชาชนเป็นหลักปฏิบัติ...” พระบรมราโชวาทในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาแก่นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๒๓ ความตอนหนึ่งว่า “...การจะพัฒนาทุกสิ่งทุกอย่างให้เจริญขึ้นนั้น จะต้องสร้างและเสริมขึ้นจากพื้นฐานเดิมที่มีอยู่ก่อนทั้งสิ้น ถ้าพื้นฐานไม่ดีหรือคลอนแคลนบกพร่องแล้ว ที่จะเพิ่มเติมเสริมต่อให้เจริญดีขึ้นไปอีกนั้น ยากที่จะทำได้ จึงควรเข้าใจให้แจ้งชัดว่า นอกจากจะมุ่งสร้างความเจริญและยังจะต้องพยายามรักษาพื้นฐานให้มั่นคงไม่บกพร่องพร้อมๆ กันไปด้วย...” พระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานแก่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ณ หน่วยงานพัฒนาตั้นน้ำทุ่งจ๊อ เมื่อปี ๒๕๑๙ ความตอนหนึ่งว่า “...เจ้าหน้าที่ป่าไม้ควรจะปลูกต้นไม้ลงในใจคนเสียก่อน แล้วคนเหล่านั้นก็จะพร้อมปลูกต้นไม้ลงบนแผ่นดิน และรักษาต้นไม้ด้วยตนเอง...” ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์และบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมุ่งเน้นให้ทุกคนตระหนักถึงการปฏิบัติหน้าที่ที่จะต้องทำตัวเองให้ดีเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม เพื่อความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนของประเทศชาติ โดยให้ทุกคนปฏิบัติตน ดังนี้ ประการแรก คือ ให้ทุกคนถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้เต็มกำลัง ด้วยสติ รู้ตัว ด้วยปัญญา รู้คิด และด้วยความสุจริต จริงใจ โดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนอื่น เพื่อความเจริญมั่งคงของประเทศชาติเป็นสำคัญ ประการที่สอง คือ ผู้ประพฤติปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างสมบูรณ์ก็จะได้รับการพัฒนารากฐานทางจิตใจให้เข้มแข็งและมีความเจริญทางจิตใจมากขึ้น ซึ่งความเจริญทางจิตใจนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมุ่งฝึกฝนและพัฒนาอย่างยิ่งยวด ไม่สามารถหาซื้อด้วยเงินได้ แนวพระราชดำรินี้สอดคล้องกับพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒ ความตอนหนึ่งว่า “...ความสุข ความสวัสดีของข้าพเจ้า จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยบ้านเมืองของเรามีความเจริญ มั่นคง เป็นปกติสุข ความเจริญมั่นคงทั้งนั้นจะสำเร็จผลเป็นจริงไปได้ ก็ด้วยทุกคนทุกฝ่ายในชาติมุ่งที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เต็มกำลังด้วยสติ รู้ตัว ด้วยปัญญารู้คิดและด้วยความสุจริต จริงใจ โดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น จึงขอให้ท่านทั้งหลายในที่นี้ ที่มีตำแหน่งหน้าที่สำคัญอยู่ในสถาบันหลักของประเทศและชาวไทยทุกหมู่เหล่าทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนให้กระจ่าง แล้วตั้งจิตตั้งใจให้เที่ยงตรงหนักแน่น ที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพื่อให้สำเร็จประโยชน์ส่วนรวมอันไพบูลย์ คือ ชาติบ้านเมือง อันเป็นถิ่นที่อยู่ที่ทำกินของเรา มีความเจริญมั่นคงยั่งยืนไป...” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระเกษมสำราญและทรงมีความสุขทุกคราที่ได้ช่วยเหลือประชาชน ทรงเชื่อมั่นว่า การมีความสุขจากการเป็นผู้ให้นั้น เป็นผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ที่ผู้ปฏิบัติสมควรจะได้รับ อันจะนำมาซึ่งความสุขและอิ่มเอิบใจ เป็นความสุขที่พอเพียงจากการมีจิตใจที่สะอาด สว่าง สงบ ดังพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ทรงเคยรับสั่งไว้คราวหนึ่ง ความว่า “...ทำงานกับฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากการมีความสุขร่วมกันในการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น...”