เมื่อเวลา 08.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการดำเนินคดีกับพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่า ต้องรออัยการ เพราะคดีนี้แม้จะเป็นหมายจับของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แต่เชื่อมโยงกับอัยการด้วย ถ้าอัยการไม่ฟ้องหรือไม่เรียบร้อยจะเอาตัวมาลำบาก ยอมรับว่าการไปเอาตัวครั้งแรกนั้นมีปัญหา เนื่องจากอัยการไม่เห็นด้วยกับสำนวนของดีเอสไอ ดังนั้น ถึงแม้ว่าเราเอาตัวมาได้แล้วมาให้อัยการ ถ้าอัยการไม่สั่งฟ้องก็จบอยู่ดี ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้ดูเหมือนทางวัดพระธรรมกายจะท้าทาย ไม่ได้สนใจเรื่องหมายจับ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า บ้านเมืองนี้อยู่ด้วยกฎหมาย อยู่ด้วยกระบวนการยุติธรรม ตนไม่เชื่อว่าใครจะไม่อยู่ภายใต้กฎหมายได้ เพียงแต่ทุกคนต้องเรียกร้องความเป็นธรรม เป็นธรรมดาที่สังคมจะมองว่าวัดพระธรรมกายท้าทาย แต่ตนไม่เชื่อว่าสังคมจะยอมรับการท้าทายนั้น เพราะทุกคนบอกตนว่าต้องการความเท่าเทียมกัน ทุกคนต้องมาต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม ตำรวจเห็นชัดเจน หลักฐานการรุกป่าต่างๆ นานา การดำเนินการจะต้องดำเนินไป และมันต้องแยกกัน การอยู่ในสมณเพศเรื่องกฎหมายกับศาสนาต้องแยกกัน ตนอยากให้สังคมมองแบบนี้ ไม่อยากให้ไปมองในเรื่องของการท้าทายเดี๋ยวจะเป็นปัญหาปะทุขึ้นมาอีก ตนทำตามขั้นตอนและเห็นด้วยกับพนักงานสอบสวน เมื่ออัยการสั่งฟ้องเมื่อไรพนักงานสอบสวนไม่มีเหตุผลที่จะมาอ้างอะไรแล้ว ต้องไปเอาตัวมาให้ได้ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ส่วนอัยการจะใช้เวลานานแค่ไหนตนไม่ทราบ ไม่ไปก้าวก่ายซึ่งกันและกัน เพียงแต่เรียกอธิบดี ดีเอสไอ ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนมาสอบถามว่ามีการขอข้อมูลหลักฐานอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ถามว่าทำไมถึงสอบไม่เสร็จเสียที โดยเขาแจ้งมาว่าเป็นปัญหาเล็กๆ ตนไม่รู้ว่าเล็กสำหรับพนักงานสอบสวน แต่อาจจะใหญ่สำหรับอัยการ ดังนั้น เราต้องให้เกียรติกัน เมื่อถามว่า หากยิ่งช้าจะยิ่งทำให้วัดพระธรรมกายชะล่าใจหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า แน่นอน ความรู้สึกนี้ย่อมมี โดยต้องมามองว่าคดีนี้มีอิทธิพลหรือมีบารมีในเรื่องอื่นหรือไม่ แต่จะมองว่าเป็นคดีที่มีบารมีคงไม่ได้ บารมีต้องหมายถึงเรื่องที่ดี ดังนั้น กรณีนี้น่าจะเป็นเรื่องของอิทธิพลมากกว่า สิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่มาเกี่ยวข้อง ทำให้ประชาชนรู้สึกได้ เนื่องจากสิ่งที่ผ่านมามีคดีที่ไม่ฟ้องเพราะไม่มีหลักฐานที่มีความผิด เป็นบทเรียนให้สังคมหวั่นเกรงในเรื่องของอิทธิพลและการปฏิบัติไม่เท่าเทียมกันของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเราต้องมั่นใจ เพราะอัยการสูงสุดหรือพนักงานอัยการก็คนละยุคคนสมัย เขาคงมีเหตุผลของเขา ซึ่งเหตุผลเดิมเขาอ้างเรื่องความไม่สงบเรียบร้อย ตนเลยบอกไปว่าจำเป็นต้องหารือกับฝ่ายความมั่นคงหรือไม่ แต่อัยการไม่ต้องถามฝ่ายความมั่นคงก็ได้ เพราะเป็นอิสระต่อกัน เมื่อถามว่า จะป้องกันไม่ให้เขาอ้างถึงเรื่องความมั่นคงได้หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ตนป้องกันไม่ได้ เพราะฝ่ายบริหารและฝ่ายยุติธรรมเป็นอิสระต่อกัน จะให้ตนไปป้องกันอะไร ตนทำได้ในหน้าที่ของตนคือ พนักงานสอบสวนที่อยู่ภายใต้การบริหารของตนต้องทำงานให้เข็มแข็ง ตนได้เรียกมาว่ามั่นใจในสำนวนหรือไม่ เขาเองมั่นใจ ในพนักงานสอบสวนนั้นมีอัยการอยู่ด้วย และนักกฎหมายมือฉมังทั้งนั้น มั่นใจในคดี มีหลักฐานเต็มที่ แต่ต้องไปมองทางอัยการ ที่มีความเป็นอิสระต่อกัน เมื่อถามอีกว่า ถ้าวันที่ 30 พ.ย.อัยการสั่งฟ้องพร้อมจะเข้าไปเอาตัวเลยหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่พนักงานสอบสวนจะไม่ดำเนินการตามนั้น มันจบแล้ว คุณตอบสังคมไม่ได้แล้ว เมื่อพนักงานอัยการสั่งฟ้องพนักงานสอบสวนต้องไปเอาตัวมา เป็นเรื่องเดียวที่พนักงานสอบสวนจะต้องทำให้เด็ดขาด ถ้าคดีไม่ถูกสั่งฟ้องมันก็ไม่มีเหตุผลอะไร เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าการเข้าไปครั้งแรกมันมีบทเรียนมาแล้วว่ามีปัญหากระทบกระทั่งกัน และไม่คุ้มค่าถ้าเอามาแล้วอัยการไม่สั่งฟ้อง ดังนั้น ต้องรออีกสักนิด อดทน ให้มั่นใจพนักงานสอบสวนเห็นพ้องกับอัยการ เมื่อถามว่า มีข่าวลือว่าพระธัมมชโยไม่ได้อยู่วัดแล้ว พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ข่าวลือคือข่าวลือ ข่าวลือไม่ใช่ข่าวกรอง ตามข้อมูลแล้วตนได้รับรายงานว่ายังอยู่ในวัด แต่มันอาจจะผิดก็ได้ อย่างไรก็ตาม เราได้กำชับเจ้าหน้าที่ไปแล้วในเรื่องการเข้า – ออกประเทศ แต่ก็เห็นกันแล้วว่าประเทศไทยเรื่องหลบหนียังมีอยู่ มันลำบากเหมือนกันในการที่จะไปควบคุมทุกตารางเมตรในประเทศไทย บริเวณชายแดนมีช่องว่างให้พวกนี้หลบหนีไปได้ เราทำได้แค่บีบให้มันแคบลง ดูโดยรอบและเส้นทางต่างๆ ได้แค่นั้น