สัปดาห์วิจารณ์/W7010(คอลัมน์ สะพายกล้องท่องโลก) ความทรงจำใต้เบื้องพระยุคลบาท (5) วาทินี ห้วยแสน [email protected] สัปดาห์นี้ความทรงจำใต้เบื้องพระยุคลบาท ใน คอลัมน์ สะพายกล้องท่องโลก จะพาทุกคนไปสัมผัสกับสถานที่ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ เสด็จไปพักผ่อนแบบเรียบง่าย และประหยัด เมื่อครั้งทรงติดตามพระบรมราชชนนีไปยังภูเขาหลายๆ แห่งใน ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ วิถีพักผ่อนแบบเรียบง่าย สำหรับทริปการเดินทางตามรอยเบื้องพระยุคลบาท แม้จะลัดเลาะไปยังสถานที่ต่างๆ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงเคยประทับ หรือทรงศึกษาตามที่พระบรมราชชนนีได้ทรงวางรากฐานไว้ แต่ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน นั้นก็คือวิถีชีวิตการพักผ่อนแบบเรียบง่าย และประหยัดที่พระองค์ทรงติดตามพระบรมราชชนนีไปยังภูเขาหลายๆ แห่งในช่วงอากาศดีๆ ซึ่งกิจกรรมยอดนิยมของชาวสวิส นั้นก็คือ เดินป่าในวันหยุด ที่เดินกันไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ไปจนถึงผู้สูงอายุ เรียกได้ว่ารสนิยมของคนที่นี่ชอบสัมผัสธรรมชาติ ทุ่งหญ้าป่าเขา โดยจะชักชวนไปปิกนิกกันเป็นประจำทุกสัปดาห์ทีเดียว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกนักถ้าครอบครัวของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ จะดำเนินชีวิตเฉกเช่นเดียวกัน ซึ่งในแต่ละครั้งที่สมเด็จพระบรมราชชนนีเสด็จพระราชดำเนินไปพักผ่อน รวมทั้งเที่ยวชมธรรมชาติ ในภูเขาที่ไม่ไกลจากเมืองโลซานน์นัก อย่างเช่น ภูเขาเลส์เปลยาดส์ นั้นมักนิยมนั่งรถไฟไปลงยังสถานีใกล้ๆ ก่อนจะทรงเดินเท้าขึ้นสู่ภูเขาสูงเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร ขณะที่ทริปตามรอยเบื้องพระยุคลบาทกลับใช้รถบัส จากเมืองโลซานน์ เดินทางมุ่งหน้าไปยังภูเขาเลส์เปลยาดส์ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงเศษๆ ระหว่างทางผ่านเมืองเวเวย์ถิ่นกำเนิดนมผงเนสท์เล่ที่คนไทยคุ้นเคย เป็นอย่างดี โดยมีวิวทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองแห่งนี้ดึงดูดสายตาทุกคู่ให้จ้องมองไม่วางตา ยามที่มองลงไปจากถนนหลวง เนื่องจากตัวเมืองจะอยู่ด้านล่าง มีวิวทะเลสาบ และภูเขาหิมะเป็นฉาก ขณะที่สองข้างทางสวยงามชนิดที่ทำให้ทุคนไม่กล้างีบหลับแม้แต่วินาทีเดียว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตลอดสองเส้นทางนั้นจะผ่านหมู่บ้านเล็กๆ หมู่บ้านแล้วหมู่บ้านเล่า หลากหลายรูปแบบหลายสไตล์ล้วนแล้วแต่น่ารักมาก ๆ ยิ่งรถที่นั่งไปวิ่งผ่านถนนเส้นเล็กๆ ทอดผ่านหมู่บ้าน และป่าเขาสูงขึ้นไปเรื่อยๆ บางแห่งถนนด้านซ้ายเบียดเขา ถนนด้านขวาเฉียดปากเหว ทำเอาหลายๆ คนที่ขวัญอ่อนใจตุ้มๆ ต่อมๆ ตลอดเส้นทาง ถึงกระนั้นถ้ายามใดที่ถนนหนทางตัดผ่านเป็นท้องทุ่งบนเขา หรือเบื้องล่างเป็นหุบเขาที่สวยงามเป็นพิเศษ ก็จะได้ยินเสียงอื้ออึงมาจากบนรถ เพราะหลายๆ คนอดใจไม่ไหวกับภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าต้องส่งเสียงอุทานมาดังๆ แทบทั้งคันรถ เรียกได้ว่าถนนสายนี้สร้างความเพลิดเพลินให้กับนักเดินทางได้ไม่น้อยทีเดียว ดอกไม้ระดับตำนานกรีก ในที่สุดการเดินทางก็ถึงจุดหมายปลายทางบนภูเขาเลส์เปลยาดส์ รถบัสพาทุกคนมาหยุด ณ ลานจอดถขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีศาลาพักพิงชั่วคราว และห้องน้ำที่สะอาดสะอ้านไว้บริการ จึงทำให้บางคนในคณะเมื่อทำกิจธุระเสร็จเรียบร้อยถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งใจ หลังจากนั้นก็ถึงเวลาที่จะต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือหิ้วอาหารปิกนิกเดินกันเป็นกลุ่มขึ้นภูเขา ซึ่งตามรายทางจะเห็นนักท่องเที่ยวเดินกันเป็นกลุ่มๆ เช่นเดียวกับพวกเราเป็นระยะๆ แต่อาจจะเป็นเพราะสังขารของบางคนในคณะไม่เอื้ออำนวยจึงทำให้การติดตามรอยเบื้องพระยุคลบาท เพื่อตามหาทุ่งดอกไม้นาร์ซีซัสต้องลดชั้นลงมาตามวัย และสังขาร ดังนั้นเพียงเดินขึ้นภูเขาเลส์เปลยาดส์ ได้ไม่นานนัก บางคนเริ่มมองหาสถานที่เหมาะๆ ในการนั่งพักเหนื่อย แม้ว่าบางคนอาจจจะยังอยากเพลิดเพลินอยู่กับการเดินป่า และเก็บภาพถ่ายจากวิวทิวทัศน์สองข้างทางก็ตาม แต่ส่วนใหญ่พยายามมองหาทำเลเหมาะๆ ไว้นั่งพักเหนื่อย และก็เจอกับบ้านพักนักนิยมธรรมชาติที่สร้างเอาไว้ ไม่มีรั้วรอบขอบชิด จึงเป็นโอกาสดีๆ ที่จะใช้เป็นฐานที่มั่นตั้งโต้ะอาหาร เพื่อทานมื้อกลางวันกันอย่างพร้อมหน้า ก่อนจะแยกย้ายไปชื่นชมธรรมชาติกันคนละมุมอย่างสงบ ส่วนบางคนถือโอกานี้ไปเก็บรูปดอกนาร์ซีซัส ซึ่งเป็นดอกไม้ที่มีชื่อเสียงมานาน เป็นดอกไม้ระดับตำนานกรีก ที่เบ่งบานล้อแสงแดดยามเช้าอยู่ไม่ไกลจากบ้านที่แวะพักมากนัก ด้วยกลีบดอกสีขาว 5 กลีบ มีเกสรสีเหลือง และกลิ่นหอมรวยรินที่เห็นอยู่เบื้องหน้า จึงทำใครหลายๆ คนไม่แปลกใจเลยว่า เหตุใดสมเด็จพระบรมราชชนนี จึงทรงโปรดปรานดอกไม้ชนิดนี้เป็นหนักหนา เป็นตัวอย่างเรื่องประหยัด ซึ่งในพระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในหนังสือเจ้านายเล็กๆ ยุวกษัตริย์ ได้กล่าวไว้ว่า ภูเขาเลส์เปลยาดส์ เป็นอีกแห่งหนึ่งที่พระบรมราชชนนี ได้ทรงนำพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ พร้อมครอบครัวไปทรงพักผ่อนหลายต่อหลายครั้ง เป็นสถานที่ซึ่งมีดอกไม้นานาพันธุ์ และที่สำคัญมีดอกนาร์ซีซัสที่พระบรมราชชนนีทรงชื่นชอบนั้นเอง โดยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ทรงนิพนธ์ไว้ว่า เมื่อเดือนพฤษภคม 2477 ได้ขึ้นรถไฟไปเก็บดอกนาร์ซีซัสที่ภูเขาไม่ไกลจากเมืองโลซานน์ และพระบรมราชชนนีทรงหอบกลับมาบ้าน เพื่อประดับตกแต่งบ้าน และวางทับในสมุดหนาๆ เพื่อจะทำเป็นการ์ดเล็กๆ อีกทั้งในพระนิพนธ์ของพระเจ้าพี่นางเธอฯ นั้นได้ทรงเล่าว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ไม่ใคร่จะเก็บดอกตูมๆ แต่มักทรงเก็บดอกบานๆ โดยมาก เพราะกลัวว่าดอกไม้จะไม่บาน แต่บางคนเมื่อมาเจอดอกนาร์ซีซัสที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า พลางอดนึกถึงพระนิพนธ์ดังกล่าวไม่ได้ พร้อมๆ กับคิดอยู่ในใจว่า ดอกนาร์ซีซัสที่เบ่งบานอยู่เต็มท้องทุ่งนี้ดูสวยงามจับใจจริงๆ อย่างไรก็ตามในพระนิพนธ์ที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ ฯ ได้กล่าวไว้ในหนังสือแม่เล่าให้ฟัง ถึงภูเขาเลส์เปลยาดส์ ยิ่งทำให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าต่างซาบซึ้งในทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้เป็นเพราะเมื่อครั้งนั้นพระบรมราชชนนีในฐานะหัวหน้าครอบครัว ต้องรับภาระอันหนักอึ้ง จึงทำให้พระองค์ต้องระมัดระวังการใช้จ่ายเป็นอย่างมาก ด้วยพระราชทรัพย์สำหรับใช้จ่ายที่สมเด็จพระพันวสาอัยยิกาเจ้า ทรงส่งมาให้จากเมืองไทยนั้นล่าช้า ดังนั้นจึงต้องทรงประหยัด พร้อมๆ กับทรงสอนพระโอรส และพระธิดาทั้ง 3 พระองค์ทรงประหยัดไปด้วย ดำเนินชีวิตแบบธรรมดา ด้วยสาเหตุดังที่กล่าวมาข้างต้น จึงทำให้การเดินทางไปพักผ่อนแต่ละครั้งบนภูเขาเลส์เปลยาดส์นั้น สมเด็จพระบรมราชชนนี จึงทรงพกพาเตาปิกนิกขึ้นไปผัดกับข้าวแบบง่ายๆ อย่างเช่นผัดกะหล่ำปลี หรือจัดเป็นสลัดผักให้กับลูกๆ ทั้ง 3 พระองค์ เฉกเช่นเดียวกับการเตรียมตัวเดินขึ้นเขาของชาวสวิสส่วนใหญ่ที่มักจะซื้อลูกเกด ของเล็กๆ น้อยๆ ใส่ย่ามก่อนที่จะออกเดินทางกันทั้งวันตั้งแต่เช้าจนค่ำ ซึ่งในช่วงเวลากลางคืนนั้นจะมีกระท่อมพักอยู่ข้างบน หลังจากนั้นในวันรุ่งขึ้นก็จะเดินทางกันต่อ อาจจะอยู่กัน 3 วัน 2 คืน ก่อนจะเดินลงมาเพื่อทำงานต่อ สำหรับการพักผ่อนในลักษณะดังกล่าวนี้จะไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรมากนัก ซึ่งตรงกับพระราชจริยวัตรที่สมเด็จพระบรมราชชนนีได้ปฏิบัติต่อพระโอรส และพระธิดาของพระองค์มาตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์เช่นเดียวกัน ดังตัวอย่างของพระนิพนธ์ตอนหนึ่งในหนังสือเจ้านายเล็กๆ -ยุวกษัตริย์ ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ ฯ ได้เล่าว่า เมื่อครั้งทุกพระองค์กลับมายังเมืองโลซานน์ เพื่อศึกษาต่อ หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 8 ขึ้นครองราชย์เรียบร้อยแล้ว ทุกๆ พระองค์ก็ยังคงดำเนินชีวิตแบบธรรมดาอย่างที่เคยปฏิบัติ โดยเฉพาะการหาเวลาสนุก และการพักผ่อน เช่นปีนต้นไม้ยามที่ใบไม้เต็มต้นในช่วงฤดูร้อน หรือการเดินขึ้นเขาไปปิกนิกเก็บดอกไม้ ใบหญ้าในช่วงหน้าร้อนก็ยังดำเนินไปอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นอาจจะด้วยพระราชจริยวัตรอันเรียบง่าย ตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์นี้เอง จึงเป็นเหตุทำให้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ไม่เพียงแต่เป็นพระราชาที่ยิ่งใหญ่บนผืนแผ่นดินไทยแล้ว สำหรับชาวสวิสเซอร์แลนด์เองแล้วนั้น พระองค์ก็มีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน สามารถติดตามเรื่องราวตอนจบของ ความทรงจำใต้เบื้องพระยุคลบาท ได้ใน คอลัมน์ สะพายกล้องท่องโลก ที่นี่ที่เดียวในสัปดาห์หน้า