กรมส่งเสริมสหกรณ์ จับมือ บช.น. สร้างเครือข่ายตลาดข้าวสารคุณภาพ เพิ่มช่องทางจำหน่ายในโรงพักกว่า 88 แห่งทั่ว กทม. มุ่งยกระดับราคาช่วยเกษตรกรสมาชิก พร้อมวางแผนขยายผลสู่สินค้าเกษตรชนิดอื่นๆ ผ่านการเชื่อมโยงระหว่างสหกรณ์ผู้ผลิต สหกรณ์ผู้ใช้ และสหกรณ์ผู้บริโภค พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นประธานเปิดโครงการ “ตำรวจนครบาลช่วยขาย เพิ่มรายได้ให้ชาวนาไทย” โดยนำข้าวสารคุณภาพจากขบวนการสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และเกษตรกรทั่วไป มาจำหน่ายในราคายุติธรรม เพื่อเป็นการช่วยเหลือสนับสนุนชาวนาตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และจั๊กจั่น-อคัมย์สิริ สุวรรณศุข ดารานักแสดง ร่วมพิธี ณ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ถนนศรีอยุธยา เขตดุสิต กรุงเทพฯ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ บช.น. ร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้เปิดพื้นที่ให้กับชาวนาไทย ได้มีโอกาสนำผลผลิตมาจำหน่าย ซึ่งเป็นการเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายข้าวให้กับเกษตรกร และเพิ่มโอกาสในการซื้อข้าวคุณภาพดี ราคาเป็นธรรมให้กับประชาชนและข้าราชการตำรวจ โดยเฉพาะข้าราชการตำรวจ ในบช.น. ประชาชนที่อยู่ในบริเวณพื้นที่สถานีตำรวจนครบาล 88 แห่งทั่วกรุงเทพฯ และ 13 กองบังคับการ ได้ซื้อข้าวสารคุณภาพจากชาวนาโดยตรง ซึ่งตำรวจนครบาลเต็มใจที่จะช่วยเหลือชาวนาไทย โดยเปิดจำหน่ายข้าวตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น.ของทุกวัน ด้าน ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้คัดเลือกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตและแปรรูปข้าวสารที่มีศักยภาพกว่า 10 แห่ง จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลางบางส่วน เพื่อนำข้าวสารคุณภาพดีโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิมาจำหน่ายในโครงการ “ตำรวจนครบาลช่วยขาย เพิ่มรายได้ให้ชาวนาไทย” ซึ่ง บช.น.ได้ร่วมสนับสนุนพื้นที่ รวมทั้งสถานีตำรวจนครบาล จำนวน 88 แห่งทั่วกรุงเทพฯ และ 13 กองบังคับการ เป็นจุดจำหน่ายข้าวสารคุณภาพของสหกรณ์โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โดยเริ่มเปิดจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2559 นี้เป็นต้นไป “ข้าวสารทุกถุงที่นำมาจำหน่ายในโครงการฯ นี้ ล้วนเป็นข้าวสารที่มีคุณภาพ ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานและมีความปลอดภัย ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ เบื้องต้นคาดว่า สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรจะนำข้าวสารมาจำหน่ายไม่น้อยกว่า 48 ตัน เป็นหนึ่งช่องทางที่ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้าวสารคุณภาพของสหกรณ์ได้มากขึ้นในราคายุติธรรม ทั้งยังช่วยสร้างโอกาสทางการตลาดและยกระดับราคาให้กับสินค้าสหกรณ์ อันจะทำให้สมาชิกมีรายได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันยังเป็นกลไกให้สหกรณ์รับรู้ถึงการดำเนินธุรกิจข้าว ทำให้มีมุมมองด้านการตลาดและธุรกิจกว้างขึ้น ซึ่งสามารถที่จะเลือกวางแผนการผลิตให้สอดรับกับความต้องการของตลาดแต่ละประเภทได้ในอนาคต และยังช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรด้วย” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว ดร.วิณะโรจน์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้เชื่อมโยงเครือข่ายตลาดข้าวสารคุณภาพของสหกรณ์การเกษตรซึ่งเป็นผู้ผลิตกับสหกรณ์ผู้บริโภคที่มีสมาชิกรวมกว่า 3 ล้านคน อาทิ ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ และชุมนุมสหกรณ์เครดิตยูเนียน รวมถึงสหกรณ์ร้านค้าและบริการ เพื่อขยายช่องทางกระจายสินค้าข้าวสารสหกรณ์ช่วยเหลือเกษตรกรสมาชิก ปัจจุบันสหกรณ์ผู้บริโภคได้นำข้าวสารคุณภาพไปเปิดจุดจำหน่ายแล้วกว่า 30 สหกรณ์ จากการดำเนินงานที่ผ่านมา ตั้งแต่ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2559 มีการซื้อขายข้าวสารแล้วกว่า 1,500 ตัน หรือประมาณ 5,000 ตันข้าวเปลือก คิดเป็นมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท อนาคตได้มีแผนขยายผลสู่สินค้าสหกรณ์ชนิดอื่นๆ ด้วย เช่น ผลไม้ เป็นต้น ซึ่งเชื่อมั่นว่า หากสหกรณ์สามารถเชื่อมโยงกันเองได้ระหว่างสหกรณ์ผู้ผลิต สหกรณ์ผู้ใช้ และสหกรณ์ผู้บริโภค จะทำให้ขบวนการสหกรณ์มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น