ซิกน่า ประกันภัย สานต่อวาระแห่งชาติ ร่วมสนับสนุนสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนของคนไทย เปิดตัว “แผนประกันสุขภาพมิติใหม่…พลัส” ที่ให้ความคุ้มครองทั้งโรคร้ายแรงและโรคจากการดำเนินชีวิตประจำวันรวมอยู่ในแผนเดียวกัน อาทิ โรคมะเร็ง กลุ่มโรคออฟฟิศซินโดรม โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง ฉีกกฏความคุ้มครองแบบเดิมๆ ด้วยการมอบอิสระในการเลือกความคุ้มครองได้ตามโรคที่มีความเสี่ยง จากข้อมูลในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555-2559) พบว่าคนไทยมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่มีลักษณะเรื้อรังอันเนื่องมาจากความเครียดในชีวิตประจำวัน เช่น โรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน นอกจากนี้ สถิติในปี 2558 โดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ยังระบุว่า ความเครียดดังกล่าวทำให้คนไทยวัยทำงาน 60% มีอาการในกลุ่มโรคออฟฟิศซินโดรม เช่น อาการปวดหลังเรื้อรัง ปวดศีรษะไมเกรน และนิ้วล็อค เป็นต้น โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้วางแผนระยะยาวไว้เพื่อช่วยป้องกันและลดการเกิดของโรคเรื้อรังและร้ายแรงในคนไทย ซิกน่า ประกันภัย ในฐานะภาคเอกชนที่มุ่งมั่นในการส่งเสริมสุขภาพ ชีวิตและความเป็นอยู่ของคนไทยให้ดียิ่งขึ้นจึงตั้งเป้าสานต่อเจตนารมณ์นี้ด้วย “แผนประกันสุขภาพมิติใหม่...พลัส” มอบความคุ้มครองทั้งโรคเรื้อรังและโรคร้ายแรงในคนวัยทำงาน เพื่อตอบโจทย์ความกังวลในด้านสุขภาพกาย สุขภาพใจ และสุขภาพทางการเงินสำหรับผู้ที่มีชีวิตประจำวันที่เคร่งเครียด นายจูเลียน เมงกัล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัทซิกน่า ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากพันธกิจของซิกน่าในการส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีในทุกด้านของคนไทยอย่างแท้จริง เราจึงขอสนับสนุนแผนพัฒนาระยะยาวของ สศช. ในการลดและป้องกันความเสี่ยงด้านสุขภาพของคนไทยในวัยทำงาน โดยเราได้ผสานความเชี่ยวชาญของเรากับการวิจัยลูกค้าเชิงลึก (Customer Insight Research) เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ความกังวลด้านสุขภาพและการเงินของผู้ที่มีความเสี่ยงจากการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ยังเป็นการป้องกันโรคเรื้อรังที่จะนำไปสู่โรคร้ายแรงอีกด้วย โดยการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญของอาการที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ทำให้สามารถตรวจพบสัญญาณของโรคได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และในฐานะบริษัทที่มุ่งมั่นในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เราจึงได้เสนอนวัตกรรมฉีกกฎประกันสุขภาพ ด้วยการมอบอิสระให้กับลูกค้าในการเลือกความคุ้มครองตามโรคที่ตนคิดว่ามีความเสี่ยง สร้างแผนประกันในแบบเฉพาะตน (Personalized) มอบคุณค่าที่ลูกค้าต้องการในราคาที่ลูกค้าสามารถจ่ายได้ (Affordable) ซึ่งนับว่าเป็นก้าวใหม่ของวงการประกันที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน” นางสาวนภา ตรีรัตนาวงศ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาด ซิกน่าประเทศไทย กล่าวว่า “นอกจากความคุ้มครองครบทุกมิติทั้งโรคร้ายแรงและโรคที่เกิดจากการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว แผนประกันของเรายังออกแบบขึ้นตามความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มอีกด้วย โดยมีจุดเด่นสำคัญอยู่ที่การมอบอิสระให้ลูกค้าเลือกความคุ้มครองที่เหมาะกับตนเองได้ ตอบโจทย์เทรนด์การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับความต้องการเฉพาะบุคคล (Personalized) ซึ่งทำให้ลูกค้าได้รับคุณค่าและสิทธิประโยชน์ที่ตนต้องการอย่างเต็มที่ ในราคาที่ลูกค้าสามารถจ่ายได้ (Affordable)” สำหรับ“แผนประกันสุขภาพมิติใหม่...พลัส” ให้ความคุ้มครองพร้อมบริการเสริมพิเศษ ดังนี้ คือ 1.รับเงินก้อน เมื่อตรวจเจอโรคร้ายแรง สูงสุด 500,000 บาทต่อโรค 2.คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลต่อเนื่องสูงสุด 2,500,000 บาทต่อโรค สำหรับโรคร้ายแรง 3.ค่ารักษาต่อเนื่องสูงสุด 300,000 บาท ต่อกลุ่มโรค สำหรับโรคจากการใช้ชีวิตประจำวัน 4.ครอบคลุมการรักษาด้วยแพทย์ทางเลือก และ5. มีบริการเสริมต่างๆ เช่น บริการสายด่วนสุขภาพ 24 ชั่วโมง (Health care line) ทั้งนี้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อความคุ้มครองที่เหมาะกับตนจาก“แผนประกันสุขภาพมิติใหม่...พลัส” ได้จากแผนคุ้มครองหลัก เช่น โรคมะเร็งทุกระยะ (รวมซีสต์และเนื้องอก) การติดเชื้อทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง และกลุ่มโรคออฟฟิศซินโดรม ซึ่งประกอบด้วย 7 โรคได้แก่ โรคเวียนหัวบ้านหมุน การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ โรคกระเพาะอาหาร โรคกรดไหลย้อน นิ้วล็อค หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท และ ผังผืดรัดเส้นประสาทข้อมือ และอาจเลือกซื้อแผนความคุ้มครองเสริมอื่นๆเพิ่มเติมโดยเพิ่มค่าเบี้ยประกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่น ลูกค้าอายุ 35 ปี สามารถเลือกซื้อชุดแผนความคุ้มครองหลักกลุ่มออฟฟิศซินโดรม การติดเชื้อทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร และซื้อความคุ้มครองเสริมโรคหลอดเลือดสมอง โดยมีเบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 500 บาทต่อเดือน เป็นต้น ทั้งนี้สามารถสอบถามเกี่ยวกับ “แผนประกันสุขภาพมิติใหม่...พลัส” ได้ที่บูธแนะนำผลิตภัณฑ์ของซิกน่าในทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด หรือโทรมาที่ศูนย์บริการลูกค้าซิกน่า 1758 “ซิกน่าได้เปิดตัวแผนประกันสุขภาพมิติใหม่พลัสในงานสัปดาห์ประกันภัย เมื่อวันที่ 22- 25 กันยายนที่ผ่านมาโดยได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ดังนั้นเราจึงมุ่งมั่นเดินหน้ารุกตลาดด้วยกลยุทธ์บูรณาการช่องทางการขายทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นช่องทางโทรศัพท์ บูธแนะนำผลิตภัณฑ์ รวมทั้งการขยายช่องทางการขายออนไลน์ผ่านอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) ในอนาคต สำหรับเรื่องของเคลมเรโชสำหรับแผนประกันสุขภาพตัวนี้คาดว่า เริ่มต้นในปีแรกน่าจะอยู่ที่ 20% แต่เชื่อว่า ปีต่อไปก็คงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากปีแรกสถิติการเคลมคงจะยังน้อย หรือไม่มาก” นางสาวนภา กล่าว นายจูเลียน เมงกัล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้จัดการประจำประเทศไทย ยังกล่วว่า ประเทศไทย มีโครงสร้างพื้นฐานทางเรื่องระบบการดูแลรักษาสุขภาพที่ดี โดยประเทศไทยเป็นฮับของการรักษาพยาบาลในภูมิภาคนี้ รวมทั้งผู้บริโภคตื่นตัวด้านนี้มากขึ้น ประกอบกับการพัฒนาของโรคเรื้อรัง และสภาพความเครียดเป็นปัจจัยผลักดันให้ประกันสุขภาพเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะจุดที่อัตราเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี ได้สร้างให้เกิดความกังวลว่า ระยะยาวเราจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้หรือไม่ จึงเป็นปัจจัยสำคัญกระตุ้นให้ตลาดประกันสุขภาพน่าจะมีทิศทางเติบโตยิ่งขึ้น โดยบริษัทซิกน่าฯเองได้ทำการศึกษาและทำความเข้าใจในตัวผู้บริโภคมาตลอด โดยได้มีการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างแท้จริง และพยายามหาแบบประกันที่ตอบโจทย์ โดยทำอย่างไรให้เบี้ยประกันที่ลูกค้าจ่ายมีความเหมาะสมกับตัวเอง และตรงกับความเสี่ยงของลูกค้าอย่างจริงๆ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระให้กับลูกค้า เพราะฉะนั้นปัจจัยทั้งหมด เชื่อว่า น่าจะทำให้บริษัทซิกน่าฯสามารถเติบโตในธุรกิจประกันสุขภาพในไทยได้ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่ายอดขายของบริษัทนับตั้งแต่ต้นปีมา ได้มีทิศทางหรือโมเมมตัมที่ดี โดยตัวเลขดำเนินงานของปีนี้เติบโตได้ถึง 14% ขณะที่ตลาดประกันวินาศภัยหรือ Non-life เติบโต0.5% เท่านั้น ตรงนี้เป็นภาพปัจจัยบวกที่น่าจะทำให้บริษัทมีความเชื่อมั่นว่า ปีนี้เราน่าจะจบตัวเลขที่ดี และเราสามารถขยายการเติบโตต่อไปต่อไปได้ในปีหน้า โดยบริษัทตั้งเป้าแผนประกันสุขภาพมิติใหม่....พลัส”ตัวนี้ไว้ด้วยยอดขายปี 2560 อยู่ที่ 100 ล้านบาท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้จัดการประจำประเทศไทย ยังได้มองถึงในส่วนของนโยบายของรัฐบาลที่จะให้บริษัทประกันเข้ามาบริหารในตัวค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการว่า ถือว่าเป็นเรื่องเหมาะสม เพราะปัจจุบันค่าเงินเฟ้อของค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้นเกินค่าเงินเฟ้อของเศรษฐกิจ ซึ่งตรงจุดนี้ถือว่าเป็นภาพบวก และเป็นโอกาสของธุรกิจอย่างแน่นอน เพราะยิ่งค่าเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้น และเงินเฟ้อโตขึ้นเรื่อยๆ ภาครัฐต้องแบกภาระในการเข้ามาดูแลค่ารักษาพยาบาลในวงเงินที่สูงมากขึ้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้บริษัทประกันที่มีความชำนาญในการบริหารจัดการเข้ามาดูแล ซึ่งตรงจุดนี้จะทำให้ตลาดประกันสุขภาพเติบโตมากขึ้น และทำให้การรับรู้ของประชาชนในเรื่องของการประกันสุขภาพก็จะมีขึ้นตามมา ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยบวก ในส่วนของบริษัทซิกน่าฯเองก็กำลังดูอยู่ โดยอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาในรายละเอียด และคงต้องมีการพูดคุยกับสมาคมประกันวินาศภัยและบริษัทประกันฯรายอื่นก่อนที่จะได้บทสรุปดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป