9 ธ.ค.59 มีรายงานว่า คณะศิษยานุศิษย์พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) จะเข้าถวายฎีการ้องทุกข์ ขอพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม ระงับเหตุรุนแรงอันจะบังเกิดขึ้นได้ ระหว่างสถาบันชาติกับสถาบันพระพุทธศาสนา ณ กองงานในพระองค์ (สำนักพระราชวังใหม่) ประตูสถิตพงษ์ พระที่นั่งอัมพรสถาน กรุงเทพฯ วันนี้ ในเวลา 15.30 น. ก่อนหน้านี้ เฟชบุ๊คส่วนตัวพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการ สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย โพสต์ข้อมูลการเตรียมล่ารายชื่อพสกนิกร พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ส่งฝ่ายนิติการ วัดพระธรรมกาย เพื่อรวมรวบรายชื่อทั้งหมดถวายฎีกา เพื่อให้คดีพระธัมมชโยสิ้นสุดลง ผู้สื่อข่าวได้ถามข้อเท็จจริงกับพระมหานพพร ปุญฺญชโย ผู้ช่วยผู้อำนวยการสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ยืนยันว่าการถวายฎีกาไม่ได้ทำในนามของวัดพระธรรมกาย เชื่อว่าเป็นความต้องการของคณะศิษยนุศิษย์ที่ต้องการช่วยเหลือพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย ที่เป็นครูอาจารย์และเป็นที่เคารพศรัทธาของคณะศิษยานุศิษย์ ให้พ้นจากคดีความ ซึ่งทางวัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ส่วนกรณีที่ พระสนิทวงศ์ โพสข้อความเชิญชวนนั้น ผ่านเฟสบุ้คส่วนตัวนั้น อาจเป็นไปได้ว่า เป็นการช่วยเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารจากคณะศิษย์ยานุศิษย์ให้รับทราบโดยทั่วกัน อย่างไรก็ตาม ล่าสุด คณะศิษยานุศิษย์แถลงข่าวถวายฎีการ้องทุกข์ คดีพระธัมมชโย เรื่อง การกราบบังคมทูลฯ ถวายฎีการ้องทุกข์ ขอพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม ระงับเหตุรุนแรงอันจะบังเกิดขึ้นได้ ระหว่างสถาบันชาติกับสถาบันพระพุทธศาสนา เนื่องด้วยขณะนี้ สถานการณ์ส่อว่าจะบังเกิดเหตุรุนแรง ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับสถาบันพระพุทธ ศาสนา อันเนื่องมาจากการดำเนินการโดยไม่เป็นธรรม ดังนี้ 1. การดำเนินการของพนักงานสอบสวนในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และคดีอื่นที่เกี่ยวโยงกัน มีความไม่เป็นธรรมหลายประการ อาทิ มีการแจ้งความดำเนินคดี และพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหาคณะศิษยานุศิษย์ที่ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อเยียวยาแก่สหกรณ์ฯคลองจั่น ว่ามีความผิดข้อหาเรี่ยไร ทั้งที่เงินนั้นก็เป็นเงินของศิษยานุศิษย์แต่ละท่าน และเสียสละมาเยียวยาแก่สหกรณ์ฯตามข้อตกลงในศาล และศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องทั้งวัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนี อีกทั้งสหกรณ์ฯ มีหนังสือขอบคุณแก่คณะศิษยานุศิษย์ เจ้าหน้าที่ของรัฐแทนที่จะมอบรางวัลแสดงความชื่นชมในน้ำใจเสียสละให้กับศิษยานุศิษย์ แต่คณะศิษยานุศิษย์กลับถูกดำเนินคดีตกเป็นผู้ต้องหา แสดงถึงเจตนาในการหาเรื่องกลั่นแกล้ง ไม่เป็นธรรม 2. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) ได้ดำเนินคดีพระเทพญาณมหามุนี ข้อหาบุกรุกป่า และข้อหาก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างทับลำรางสาธารณะ ที่สวนป่าหิมวันต์ อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย และที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมเวิลด์ พีซ จังหวัดนครราชสีมา ตามลำดับ โดยอ้างอิงความเห็นของนายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศของศาล ทั้งที่นายวิฑูรย์ฯ ซึ่งเคยเป็นอดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ และถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เพราะทำความผิดฐานวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศบิดเบือนความจริง สร้างความเสียหายต่อราชการหลายกรรมหลายวาระ และสำนักงานศาลยุติธรรมไม่ต่อทะเบียนการเป็นผู้เชี่ยวชาญฯของศาล นายวิฑูรย์ฯ จึงมิได้เป็นผู้เชี่ยวชาญฯของศาลแล้ว ซึ่งทางวัดพระธรรมกายได้ขอให้ผู้เชี่ยวชาญฯของศาลที่แท้จริง วิเคราะห์ตรวจสอบด้วยแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศของกรมแผนที่ทหาร ปรากฏผลการตรวจสอบว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในเขตป่า และไม่มีลำรางสาธารณะแต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส. กลับเลือกที่จะเชื่อผลการวิเคราะห์ฯของนายวิฑูรย์ฯ ซึ่งมีพฤติกรรมมัวหมองร้ายแรงจนถูกไล่ออกจากราชการ ไม่เชื่อผลการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญฯของศาลที่แท้จริง และไปขอออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนี 3. กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ขอให้ กสทช.สั่งหยุดการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม DMC โดยไม่มีการไต่สวน ทั้งที่เนื้อหามีแต่การสวดมนต์ นั่งสมาธิ สอนธรรมะให้ประชาชนเป็นคนดี 4. พฤติกรรมดังกล่าวข้างต้นของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.โดยการนำของพลตำรวจเอกศรีวราห์ฯ ทำให้คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายมีความรู้สึกว่าพระเทพญาณมหามุนีและวัดพระธรรมกายถูกกลั่นแกล้งดำเนินคดีโดยไม่เป็นธรรม สร้างความรู้สึกทุกข์ร้อนคับแค้นใจอย่างแสนสาหัส 5. พลตำรวจเอกศรีวราห์ฯ ได้แถลงข่าวแก่สื่อมวลชนว่า ขณะนี้ได้เตรียมกำลังตำรวจ 6 - 7 กองร้อย พร้อมบุกเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย เพื่อจับกุมตัวพระเทพญาณมหามุนี โดยได้เตรียมสุนัขตำรวจ เฮลิคอปเตอร์ หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด และได้ประสานไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียงให้เตรียมแพทย์พยาบาล ส่อให้เห็นว่าจะใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามจับกุมคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่มาสวดมนต์นั่งสมาธิอยู่ในวัดจำนวนนับหมื่นคนด้วยความเป็นห่วงพระเทพญาณมหามุนี ซึ่งจะทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก จะกลายเป็นข่าวอื้อฉาวสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ประเทศชาติในสายตาชาวโลกอย่างยิ่ง และจะเป็นบาดแผลความขัดแย้งอย่างลึกซึ้ง ระหว่างสถาบันชาติกับสถาบันพระพุทธศาสนาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย 6. ในช่วงเวลานี้เป็นห้วงเวลาพิเศษที่ชาวไทยทั้งประเทศรวมถึงคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้ร่วมใจกันจัดพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นประจำทุกวัน ยิ่งกว่านั้นยังเป็นโอกาสมหามงคลอันประเสริฐที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทย ควรจะเป็นห้วงเวลาที่ชาวไทยทุกคนได้สมานฉันท์เป็นหนึ่งเดียวกัน รักษาสังคมบ้านเมืองที่สงบสันติสุขเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเสริมพระบรมเดชานุภาพของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยให้ปรากฏแก่ชาวโลก ไม่ควรที่จะมีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น ซึ่งคณะศิษย์วัดพระธรรมกายได้ร่วมใจกันเจริญพระพุทธมนต์บทธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ครบจำนวน 10,101,010 จบ เป็นครั้งแรกของโลกเพื่อเฉลิมฉลองเทิดพระเกียรติการขึ้นทรงราชย์เป็นรัชกาลที่ 10 ในพระบรมราชจักรีวงศ์ ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร 7. เวลานี้เหลือที่พึ่งสุดท้ายหนึ่งเดียวที่จะพึ่งได้คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ จึงจำต้องขอพระบรม ราชานุญาตกราบบังคมทูลถวายฎีการ้องทุกข์ต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร อันเปรียบประดุจพระบิดาของประชาชนชาวไทยทั้งชาติ เพื่อขอพึ่งพระบารมีให้ยุติการดำเนินคดีที่มิชอบดังกล่าวข้างต้น และมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ความรุนแรงทำร้าย ทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายต่อประชาชนผู้เป็นพสกนิกรของพระองค์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิงและคนชรา คณะศิษยานุศิษย์พระเทพญาณมหามุนี 9 ธันวาคม 2559