เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 9 ธ.ค.59 ที่ห้องประชุม กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ดูแลงานมั่นคง พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมเพื่อหารือแนวทางการดำเนินการกับพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวก่อนเข้าประชุมว่าวาระในการประชุมวันนี้หลักๆเป็นเรื่องขอทราบข้อมูลความพร้อม แผนการเข้าตรวจค้นจับกุม รวมถึงงบประมาณ ส่วนการเสนอขอศาลเพื่อออกหมายค้นเป็นเรื่องของทางดีเอสไอ เมื่อถามว่าวันนี้จะมีการสรุปหรือกำหนดเส้นตายในการเข้าตรวจค้นและจับกุมหรือไม่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า การเข้าค้นก็ต้องปฎิบัติตาม ป.วิอาญา ขั้นตอนตาม ป.วิอาญาก็ต้องเดินไปก่อน อำนาจไม่ได้อยู่ที่ผู้จับอย่างเดียว ต้องอยู่กับกระบวนการยุติธรรมอื่นด้วย ส่วนการจะขอหมายค้นเมื่อไหร่และเริ่มปฎิบัติการเมื่อไหร่นั้นก็คงจะต้องคุยกัน ก็ต้องว่ากันไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ถามว่าการเข้าตรวจค้นจับกุมในครั้งนี้จะทำอย่างไรไม่ให้คว้าน้ำเหลวเหมือนครั้งที่แล้ว พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ก็ไม่เห็นจะคว้าน้ำเหลว ครั้งที่แล้วที่เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นแล้วไม่เจอตัวก็คือไม่เจอ ซึ่งครั้งที่แล้วที่ทางดีเอสไอเข้าตรวจค้นนั้นเข้าใจว่าคงไม่ถึงตัวกุฏิของพระธัมมชโย ผมว่าเข้าไปถึงกุฏินั้นมันไม่ใช่เรื่องยาก เข้าไปค้นก็จะทราบว่าอยู่หรือไม่อยู่ แต่จะทำอย่างไรให้ไม่เกิดความเสียหายนั้นคือเรื่องยากกว่า ถามว่าวันนี้ทางวัดพระธรรมกายมีการนำมวลชนมาปิดหน้าปากทางเข้าวัด เราจะขอความร่วมมือหรือนำกำลังตำรวจเข้าไปตรวจค้นได้อย่างไร รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า กฎหมายเขียนไว้ชัดเจนว่า ถ้าศาลอนุมัติหมายค้นก็มีอำนาจที่จะกักตัวหรือเชิญออกมา ถ้าใครขัดขวางบอกให้ออกแล้วไม่ออกก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายฐานขัดขวางเจ้าพนักงาน ก็อยู่ในกฎหมายอยู่แล้วไม่ได้มีปัญหาอะไร ซึ่งทางฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ก็ดูแลไม่ให้มีความเสียหายเกิดขึ้น ส่วนสำนวนก็เดินไปตาม ป.วิอาญา ไม่มีตัวผู้ต้องหาก็ฟ้องได้ ถามว่าการพิสูจน์ทราบขณะนี้ยืนยันได้หรือไม่ว่าตัวพระธัมมชโยยังอยู่ในวัดหรือไม่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า อย่างที่เรียนไปแล้ว ยืนยันว่า 80 เปอร์เซ็น ยังอยู่ในวัด อีก 20 เปอร์เซ็น ยังไม่มีใครพบเห็น ตราบใดที่ยังไม่มีใครพบเห็นจะยืนยันในทางสำนวนว่าอยู่นั้นไม่ได้ แต่ถ้ายืนยันในทางสืบสวนนั้นผมไม่ทราบ ส่วนหลังจากนี้หากการเข้าไปค้นแล้วไม่เจอตัวนั้นก็จะทำการบันทึกว่าหลบหนี หลังจากนั้นก็จัดชุดสืบสวนออกติดตามจับกุมตัว สรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการไป ไม่ได้มีปัญหาอะไร ถามว่าตอนนี้ถือว่าหมดเวลาในการมอบตัวหรือยังหากตัวพระธัมมชโยจะเข้ามอบตัว พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ไม่มีหมด เวลาในวิอาญาอีกตั้ง 15 ปี แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีท่าทีว่าตัวพระธัมมชโยจะเข้ามอบตัว ส่วนประเด็นที่ทางวัดพระธรรมการกังวลเรื่องการเข้ามอบตัวแล้วจะไม่ได้รับการประกันตัวนั้น สำหรับทางตำรวจก็ว่าตาม พรบ.สงฆ์ ปี 2505 มาตรา 29 คือถ้ามีความเห็นไม่ให้ประกันตัวก็ต้องทำการสึก ส่วนจะมีความเห็นให้ประกันตัวหรือไม่ก็ตามป.วิอาญาว่า มีพฤติกรรมจะหลบหนีหรือไม่ จะไปทำลายพยานหลักฐานหรือไม่ก็ว่ากันไปตามกระบวนการ ทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายและระเบียบ สำหรับการประกันตัวนั้น ในส่วนสำนวนของดีเอสไอนั้นขึ้นอยู่กับทางฝั่งดีเอสไอ ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้นยังขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนอยู่ ซึ่งหากมีการให้ประกันตัวนั้น หลักทรัพย์ในการประกันตัวในส่วนของตำรวจประมาณ 1 แสนบาท ในแต่ละคดี ด้านพ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า การจะขอหมายค้นนั้นต้องรอดูความพร้อมของทุกหน่วย ส่วนจะยืนยันได้หรือไม่ว่าตัวผู้ต้องหายังอยู่ในวัดหรือไม่นั้น ในส่วนของดีเอสไอนั้นข้อมูลนั้นสอดคล้องกับทางที่ทางรอง ผบ.ตร. ได้กล่าวไว้ ส่วนจะเริ่มปฎิบัติการเมื่อไหร่นั้น ทุกอย่างทางดีเอสไอและสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องมีการประเมินสถานการณ์ร่วมกัน ซึ่งเราพยายามให้ตัวผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าเกิดว่าท่านเข้ามอบตัวตั้งแต่แรกคือวันที่เข้าไปตรวจค้นก็ไม่พบตัว จนถึงวันนี้ท่านไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเราจึงต้องดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนจะได้ตัวหรือไม่มันมีขั้นตอนตามกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งการปฎิบัติการครั้งนี้เราได้เชิญสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีร่วมปฎิบัติการด้วย ซึ่งก็ให้ความร่วมมือด้วยเป็นอย่างดี ทั้งนี้หากจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในส่วนสำนวนคดีของดีเอสไอ ดุลพินิจในการประกันตัวจะอยู่ที่อัยการ เนื่องจากคดีนี้สำนวนได้ส่งให้อัยการและอัยการมีคำสั่งฟ้องแล้ว ดีเอสไอมีหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานอัยการเท่านั้น