นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงกรณีที่ โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้แถลงข่าวแสดงท่าทีและจุดยืนของเครือข่ายคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลก 10 ข้อ ต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ เห็นว่าเป็นการพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงสำคัญหลายประการดังนี้ 1 ตามที่ข้อที่1และ4 อ้างว่าพระธัมมชโยไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น สอดรับกับการยื่นถวายฎีกาของคณะสาวกพระธัมมชโย ที่อ้างเหตุผลเดียวกัน ล่าสุดควรจะรู้ระเบียบและกระบวนการขออภัยโทษจาก ประกาศพระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสแรกนับแต่ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ แล้ว เพราะถ้าอ่านแล้วจะเข้าใจทันทีว่าการขอพระราชทานอภัยโทษนั้นพระธัมมชโยจะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายก่อน ไม่ใช้พูดเองเออเองอย่างที่โฆษกวัดธรรมกายออกมาแถลงข่าว. 2 การที่ดีเอสไอและตำรวจจำเป็นต้องสนธิกำลังกับทหารและฝ่ายปกครองรวม2000 กว่านายเตรียมปฎิบัติการเข้าตรวจค้นในวัดพระธรรมกายต่อเนื่องเป็นเวลา 4 วัน ก็ด้วยเหตุผลเพื่อเป็นไปตามสภาพการณ์ที่ มีการประกาศเชิญชวนระดมคนมวลชนของวัดธรรมกายจำนวนนับหมื่นคนเพื่อเข้าไปขัดขวางการปฎิบัติหน้าที่ตามกฏหมายของเจ้าหน้าที่ในการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายศาล หากไม่มีการระดมมวลชนมากอย่างนี้ เจ้าหน้าที่ก็ไม่ต้องมีจำนวนมากเช่นเดียวกัน ก็จะเหมือนในกรณีเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมพระทุศีลตามวัดต่างปีหนึ่งหลายวัด ก็เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงไม่กี่คนก็จัดการได้แล้ว ดังนั้นการที่เจ้าหน้าที่ต้อง เตรียมกำลังอย่างนี้เป็นผลที่มาจากเหตุที่พระธัมมชโยต่างหากเป็นต้นเหตุของปัญหา เพราะทำตัวมีอิทธิพลอยู่เหนือกฎหมาย ใช้ความงมงายขาดสติของสาวกของตนเอง ให้มาเป็นโล่ห์มนุษย์ ปลุกม๊อบต่อต้านกระบวนการยุติธรรม เท่าที่ทราบขณะนี้คงเหลือคนไม่กี่พันคนแล้ว เนื่องจากมีศิษย์วัดธรรมกายเป็นส่วนใหญ่เป็นที่มีสติแบบชาวพุทธเห็นว่าพระธัมมชโยควรมอบตัว ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจความเห็นของประชาชนส่วนใหญ่ และการกล่าวโอ่ยกพระธัมมชโยและวัดธรรมกายเป็นสถาบันพระพุทธศาสนาของประเทศนั้น เป็นเรื่องหนึ่งที่บิดเบือนอย่างน่าไม่อาย ทั้งที่จริงแล้ว พระธัมมชโย ก็คือ ภิกษุที่มีปัญหาหนีหมายจับของศาลยุติธรรม และวัดธรรมกายก็เป็นวัดใหญ่แห่งหนึงที่กำลังให้ที่หลบซ่อนแก่ผู้ต้องหาตามหมายจับ เท่านั้น ไม่ใช่สถาบันพระพุทธศาสนาตามที่โมเมขึ้น 3 การที่โฆษกอ้างเป็นห้วงเวลาพิเศษ อยู่ระหว่างราชพิธีเกียวกับเบื้องสูง เป็นเหตุเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ดำเนินการตามกฎหมายเข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาตามหมายค้นและหมายจับของศาลนั้น เป็นการแอบอ้างเบื้องสูงในเรื่องไม่บังควรอย่างยิ่ง ดังนั้นการที่เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังพล เพื่อเข้าตรวจค้นที่วัดธรรมกายในวันที่13-16ธคนี้ก็ด้วยเหตุที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงการปฎิบัติ์หน้าที่ตามกฎหมายได้แล้ว เพราะถูกจับตามองจากประชาชนทั้งประเทศว่าจะบังคับใช้กฏหมายเท่าเทียมกันหรือไม่หลังจากปล่อยอะลุ้มอล่วยให้แก่พระธัมมชโยอย่างมาก จนถูกตั้งข้อสงสัยอย่างมากมายจากสังคม จึงเห็นว่าการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้จะได้รับการสนับสนุนให้กำลังใจจากประชาชนทั้งประเทศ